การปฏิเสธ ภาษาอังกฤษอย่างมีศิลปะไม่ใช่แค่การพูด “No” ธรรมดา ๆ แต่ต้องใช้ทั้งคำศัพท์ที่เหมาะสมและมารยาทที่ถูกต้อง หลายคนลังเลเพราะกลัวว่าจะดูไม่สุภาพ หรือไม่แน่ใจว่าจะปฏิเสธเป็นภาษาอังกฤษอย่างสุภาพได้อย่างไร บทความนี้ได้รวมกว่า 20 ประโยคพร้อมใช้ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที ตั้งแต่สถานการณ์กับเพื่อน ไปจนถึงการปฏิเสธในที่ทำงานอย่างมืออาชีพ
I. ความเข้าใจผิดเรื่องการ “ปฏิเสธ”
คนไทยส่วนใหญ่มักลังเลเวลาต้องปฏิเสธภาษาอังกฤษ เพราะคิดว่าการพูดไม่ตรงไปตรงมาคือความสุภาพ แต่ในวัฒนธรรมตะวันตก ความตรงไปตรงมา (Directness) กลับเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเคารพมากกว่า การที่เราพูดอ้อมค้อมหรือใช้คำคลุมเครือ อาจทำให้อีกฝ่ายสับสนและไม่รู้ว่าเราตอบรับหรือปฏิเสธกันแน่
ความเกรงใจแบบไทยที่ว่า “ไว้คราวหน้านะ” หรือ “ดูอีกทีนะ” ในภาษาอังกฤษอาจถูกเข้าใจว่าเรายังมีความสนใจอยู่ ซึ่งสร้างความคาดหวังที่ผิดได้ การปฏิเสธแบบสุภาพภาษาอังกฤษจึงต้องชัดเจนแต่อ่อนโยน มีเหตุผลประกอบและแสดงความเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่การปิดประตูอย่างหยาบคาย
II. เจาะลึกคำศัพท์: ความแตกต่างของความหมาย
การเลือกใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องเป็นขั้นแรกของการปฏิเสธภาษาอังกฤษอย่างมืออาชีพ แต่ละคำมีความหมายและระดับความสุภาพที่แตกต่างกัน
| คำศัพท์ | ความหมาย | ระดับความสุภาพ | ตัวอย่างประโยค |
| Refuse | ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ยอม | กลาง-ต่ำ | I refuse to sign this contract (ผมไม่ยอมเซ็นสัญญานี้เด็ดขาด) |
| Reject | ปฏิเสธข้อเสนอ คำขอ หรือสิ่งของ | ต่ำ (ตรงไปตรงมา) | The committee rejected his proposal (คณะกรรมการปฏิเสธข้อเสนอของเขา) |
| Decline | ปฏิเสธอย่างสุภาพ นุ่มนวล | สูง | I must decline your invitation (ผมต้องขอปฏิเสธคำเชิญของคุณครับ) |
| Turn down | ปฏิเสธแบบสบายๆ | กลาง | Sorry, I’ll have to turn down your offer (ขอโทษนะ ผมต้องปฏิเสธข้อเสนอของคุณ) |
สังเกตว่า Refuse และ Reject มักใช้กับ Noun (คำนาม) ส่วน Decline สามารถใช้กับทั้ง Noun และ Verb (กริยา) ได้ การเลือกคำให้เหมาะกับบริบทจะช่วยให้การปฏิเสธภาษาอังกฤษของคุณฟังดูเป็นธรรมชาติและสุภาพขึ้น
III. สูตรสำเร็จการแต่งประโยคปฏิเสธ เป็นภาษาอังกฤษ
การปฏิเสธแบบสุภาพภาษาอังกฤษมีโครงสร้างที่เรียกว่า “Sandwich Method” ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก
สูตร: Softener + No + Reason
Softener คือคำหรือวลีที่ใช้เปิดประโยคเพื่อลดความรุนแรง เช่น “I appreciate…” “Thank you for…” “I’m sorry but…” ตามด้วยคำปฏิเสธที่ชัดเจน และปิดท้ายด้วยเหตุผลที่สมเหตุสมผล
ตัวอย่างการใช้สูตร:
“Thank you for thinking of me, but I can’t make it this time because I have a prior commitment.”
เมื่อแยกโครงสร้าง:
- Softener: “Thank you for thinking of me” (ขอบคุณที่นึกถึงผม)
- No: “I can’t make it this time” (ผมไปไม่ได้ครั้งนี้)
- Reason: “because I have a prior commitment” (เพราะมีนัดก่อนหน้าแล้ว)
การใช้สูตรนี้ทำให้การปฏิเสธภาษาอังกฤษของคุณดูมีน้ำใจและเป็นมืออาชีพ โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกปฏิเสธอย่างหยาบคาย
IV. รวมประโยคแบ่งตามสถานการณ์

1. กับเพื่อนสนิท (Casual)
เมื่อคุยกับเพื่อนหรือคนที่สนิทสนม การปฏิเสธภาษาอังกฤษสามารถใช้คำสั้นๆ และตรงไปตรงมาได้ แต่ควรมีน้ำเสียงที่เป็นมิตร
- “Nope, not today. I’m exhausted!” (ไม่ได้นะวันนี้ เหนื่อยมาก) – ใช้ได้เมื่อเพื่อนชวนออกไปเที่ยว
- “I’ll pass this time. Maybe next weekend?” (ข้ามไปก่อนนะครั้งนี้ เอาสุดสัปดาห์หน้าได้มั้ย) – แสดงความสนใจในอนาคตแต่ปฏิเสธตอนนี้
- “Can’t do it, sorry. I’m broke!” (ทำไม่ได้นะ ขอโทษที แบงค์แตก) – ตรงไปตรงมาแบบเพื่อนกัน
2. กับคนรู้จักทั่วไป (Social)
สถานการณ์ทางสังคมต้องการความสุภาพมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นกันเอง การปฏิเสธแบบสุภาพภาษาอังกฤษในบริบทนี้ควรมีคำอธิบายสั้นๆ
- “I’d love to, but I already have plans that day.” (อยากไปจังเลย แต่วันนั้นมีนัดแล้วค่ะ) – เหมาะกับการปฏิเสธคำเชิญงานสังสรรค์
- “Thanks for the invite, but I’m not really into horror movies.” (ขอบคุณสำหรับคำเชิญนะ แต่ไม่ค่อยชอบหนังสยองขวัญเท่าไหร่) – ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลพร้อมบอกเหตุผล
- “I appreciate you thinking of me, but I need to focus on my family this month.” (ขอบคุณที่นึกถึงนะ แต่เดือนนี้ต้องให้เวลากับครอบครัวก่อน) – แสดงความขอบคุณแต่ตั้งขอบเขตชัดเจน
3. ในที่ทำงาน (Professional)
การปฏิเสธภาษาอังกฤษในสถานการณ์ทางการต้องใช้ภาษาที่สุภาพที่สุดและมีเหตุผลที่ชัดเจน วิธีการปฏิเสธในที่ทำงานควรเน้น Positive rejection คือการปฏิเสธแต่เสนอทางเลือกหรือแสดงความเต็มใจที่จะช่วยในรูปแบบอื่น
- “I would love to help, but my current workload won’t allow me to give this the attention it deserves.” (อยากช่วยมากเลยครับ แต่งานที่มีอยู่ตอนนี้ทำให้ไม่สามารถดูแลเรื่องนี้ได้อย่างดีพอ) – แสดงความเต็มใจแต่ตั้งขอบเขตชัดเจน
- “Thank you for considering me for this project. However, I don’t believe I have the right expertise to contribute meaningfully.” (ขอบคุณที่นึกถึงผมสำหรับโปรเจกต์นี้ครับ แต่ผมคิดว่าตัวเองไม่มีความเชี่ยวชาญพอที่จะช่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ) – ปฏิเสธด้วยความถ่อมตัว
- “I’m unable to commit to this timeline, but I could assist if we extend the deadline to next month.” (ผมไม่สามารถรับปากเรื่อง timeline นี้ได้ครับ แต่ถ้าเลื่อนเดดไลน์ไปเดือนหน้าได้ ผมช่วยได้) – เสนอทางเลือกแทนการปฏิเสธเด็ดขาด
V. คำถามที่พบบ่อย
- ถ้าปฏิเสธโดยไม่บอกเหตุผลถือว่าหยาบคายไหม?
ในวัฒนธรรมตะวันตก การปฏิเสธภาษาอังกฤษโดยไม่มีเหตุผลอาจดูไม่สุภาพได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เป็นทางการ แต่คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียดทั้งหมด เหตุผลสั้นๆ แบบ “due to personal reasons” (ด้วยเหตุผลส่วนตัว) ก็เพียงพอแล้ว
- การปฏิเสธในสหรัฐฯ กับอังกฤษต่างกันอย่างไร?
ชาวอเมริกันมักตรงไปตรงมากว่า ใช้ “No, thank you” หรือ “I can’t” ได้เลย ส่วนชาวอังกฤษมักใช้ภาษาที่อ้อมค้อมกว่า เช่น “I’m not sure if I can…” หรือ “That might be difficult…” แม้จะหมายถึงการปฏิเสธเด็ดขาดก็ตาม
- Ghosting กับการปฏิเสธต่างกันอย่างไร?
Ghosting คือการหายตัวไปโดยไม่ตอบกลับเลย ซึ่งถือว่าไม่สุภาพมากในวัฒนธรรมตะวันตก การปฏิเสธภาษาอังกฤษที่ดีควรตอบกลับอย่างชัดเจนแม้จะปฏิเสธ แทนที่จะเงียบไปเลย การตอบกลับแสดงให้เห็นว่าคุณเคารพเวลาและความรู้สึกของอีกฝ่าย
การปฏิเสธแบบสุภาพภาษาอังกฤษไม่ได้ทำให้คุณดูไม่ดี แต่กลับแสดงให้เห็นว่าคุณเคารพทั้งตัวเองและผู้อื่น การตั้งขอบเขตที่ชัดเจนคือทักษะสำคัญของการสื่อสารที่ดี ลองนำเทคนิคและประโยคจากบทความนี้ไปใช้ คุณจะพบว่าการปฏิเสธภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
