TOEIC GrammarAdverb of Degree คืออะไร? เจาะลึกวิธีใช้ฉบับสมบูรณ์ ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับมือโปร

Adverb of Degree คืออะไร? เจาะลึกวิธีใช้ฉบับสมบูรณ์ ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงระดับมือโปร

การใช้ภาษาอังกฤษให้แม่นยำและสื่อสารอารมณ์ได้ชัดเจน ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งที่เราต้องการบอกว่าอะไร “มาก” หรือ “น้อย” แค่ไหน นั่นคือจุดที่ Adverb of Degree เข้ามามีบทบาท คำกลุ่มนี้เปรียบเสมือนปุ่มปรับระดับเสียงในการสื่อสาร ช่วยให้เราสามารถถ่ายทอดความรู้สึกและความเข้มข้นของสิ่งต่างๆ ได้อย่างละเอียดและเป็นธรรมชาติ บทความนี้จะพาคุณเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงเทคนิคระดับมือโปร พร้อมตัวอย่างและกฎเหล็กที่จะทำให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจ

I. นิยามและหน้าที่หลัก: Adverb of Degree

1. ความหมายในเชิงไวยากรณ์

Adverb of Degree คือคำวิเศษณ์ที่ใช้ตอบคำถามว่า “How much?” (มากแค่ไหน) หรือ “To what extent?” (ในระดับใด) คำกลุ่มนี้ทำหน้าที่สำคัญในการขยายความเข้มข้นของคำคุณศัพท์ คำกริยาวิเศษณ์ หรือกริยาหลัก เพื่อให้เราสามารถแสดงระดับความรู้สึกหรือสถานการณ์ได้ชัดเจนขึ้น

ตัวอย่างเช่น ประโยคว่า “She is happy” (เธอมีความสุข) สามารถเปลี่ยนเป็น “She is very happy” (เธอมีความสุขมาก) หรือ “She is slightly happy” (เธอมีความสุขเล็กน้อย) คำว่า “very” และ “slightly” คือ Adverb of Degree ที่ช่วยปรับระดับความมีความสุขให้แตกต่างกันไปตามบริบท

2. องค์ประกอบทั้ง 3 ของการขยายความ

Adverb of Degree สามารถขยายความได้ 3 รูปแบบหลัก ซึ่งแต่ละรูปแบบมีหน้าที่เฉพาะตัว

การขยายคำคุณศัพท์ (Adjective) เป็นการเพิ่มระดับความเข้มให้กับคุณสมบัติต่างๆ เช่น “very beautiful” (สวยงามมาก) “extremely cold” (หนาวจัด) หรือ “quite interesting” (น่าสนใจพอสมควร) การขยายแบบนี้ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจความรู้สึกของผู้พูดได้ละเอียดขึ้น

การขยายคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) ใช้เพื่อแสดงระดับของการกระทำหรือลักษณะการกระทำ เช่น “runs quite fast” (วิ่งเร็วพอสมควร) “speaks extremely well” (พูดได้ดีเยี่ยม) หรือ “works fairly hard” (ทำงานหนักพอประมาณ) การใช้แบบนี้ช่วยให้เราบอกรายละเอียดของการกระทำได้ชัดเจนขึ้น

การขยายกริยาหลัก (Main Verb) เป็นการแสดงระดับความรู้สึกหรือการกระทำโดยตรง เช่น “really enjoy” (ชอบจริงๆ) “absolutely love” (รักสุดๆ) หรือ “slightly prefer” (ชอบมากกว่าเล็กน้อย) รูปแบบนี้มักใช้ในการสื่อสารความรู้สึกส่วนตัวและทัศนคติ

II. บันไดความเข้มข้น (The Scale of Intensity): จัดกลุ่มคำศัพท์ตามระดับ

การเรียนรู้ Adverb of Degree จะง่ายขึ้นมากเมื่อเราจัดกลุ่มตาม “บันได” ความเข้มข้น แทนที่จะท่องจำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า การมองเห็นระดับความแรงจากน้อยไปมากจะช่วยให้เราเลือกใช้คำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ

1. ระดับต่ำ (Low Degree / Downtoners)

คำในกลุ่มนี้ประกอบด้วย a bit (นิดหน่อย) a little (เล็กน้อย) slightly (เล็กน้อยมาก) และ somewhat (ค่อนข้างเล็กน้อย) คำเหล่านี้ใช้เพื่อลดความเข้มของประโยคลง มักปรากฏในสถานการณ์ที่ต้องการแสดงความสุภาพหรือไม่อยากพูดตรงเกินไป

ตัวอย่างเช่น “I’m a bit tired” (ผมเหนื่อยนิดหน่อย) ฟังสุภาพกว่า “I’m very tired” (ผมเหนื่อยมาก) หรือเมื่อเราต้องการวิจารณ์อย่างนุ่มนวล อาจพูดว่า “The food is slightly cold” (อาหารเย็นไปนิดนึง) แทนที่จะพูดว่า “The food is very cold” การใช้คำในระดับนี้แสดงถึงความนุ่มนวลและการใส่ใจความรู้สึกผู้อื่น

2. ระดับกลาง (Medium Degree)

Adverb of Degree

กลุ่มคำในระดับกลางได้แก่ quite (ค่อนข้าง/พอสมควร) fairly (พอประมาณ) rather (ค่อนข้างมาก) และ pretty (พอสมควร – ภาษาพูด) คำเหล่านี้แสดงระดับความเข้มที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป

สิ่งที่น่าสนใจคือความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างคำเหล่านี้ คำว่า fairly มักหมายถึงระดับกลางๆ พอใช้ได้ เช่น “The movie was fairly good” (หนังดีพอประมาณ) ในขณะที่ rather มักแสดงความเข้มข้นที่มากกว่าที่คาดหวัง และมักใช้ในเชิงลบ เช่น “It’s rather expensive” (มันแพงไปหน่อยนะ – มากกว่าที่คิดไว้) ส่วน quite ในภาษาอังกฤษแบบบริติชหมายถึง “ค่อนข้างมาก” แต่ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกันอาจหมายถึง “พอสมควร” จึงต้องระวังบริบทในการใช้งาน

3. ระดับสูง (High Degree / Intensifiers)

คำในกลุ่มนี้รวมถึง very (มาก) really (จริงๆ/มาก) extremely (อย่างยิ่ง/สุดๆ) highly (สูงมาก) และ terribly (อย่างมาก) คำเหล่านี้ใช้เพื่อเน้นย้ำความรู้สึกให้ชัดเจนและรุนแรงขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน “I’m very hungry” (ฉันหิวมาก) “She’s really smart” (เธอฉลาดจริงๆ) “The weather is extremely hot” (อากาศร้อนสุดๆ) “This is highly important” (นี่สำคัญมาก) และ “I’m terribly sorry” (ฉันขอโทษอย่างยิ่ง) การเลือกใช้คำในระดับนี้ทำให้ประโยคมีพลังและสื่อความรู้สึกได้แรงกล้า

4. ระดับสูงสุด/สมบูรณ์แบบ (Absolute Degree)

กลุ่มสุดท้ายประกอบด้วย absolutely (โดยสิ้นเชิง/อย่างแท้จริง) totally (ทั้งหมด/โดยสมบูรณ์) completely (สมบูรณ์แบบ) และ entirely (ทั้งหมด) คำเหล่านี้ใช้เมื่อสิ่งนั้นถึงจุดสูงสุดแล้ว คิดเป็น 100% ไม่สามารถเพิ่มได้อีก

ตัวอย่างเช่น “I absolutely agree” (ฉันเห็นด้วยอย่างสมบูรณ์) “You’re totally right” (คุณพูดถูกทุกอย่างเลย) “The task is completely finished” (งานเสร็จสมบูรณ์แล้ว) “I entirely understand” (ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้ว) คำในกลุ่มนี้มักใช้กับคำคุณศัพท์ที่เป็นที่สุดในตัว เช่น perfect, impossible, essential ซึ่งเราจะอธิบายในส่วนถัดไป

III. กฎเหล็กเรื่องตำแหน่ง (Placement & Syntax Rules)

การรู้จัก Adverb of Degree เพียงอย่างเดียวไม่พอ เราต้องเข้าใจวิธีวางตำแหน่งในประโยคให้ถูกต้องด้วย เพราะการวางผิดตำแหน่งอาจทำให้ความหมายเปลี่ยนไปหรือฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ

1. กฎข้อที่ 1: วางหน้าคำที่ต้องการขยาย (Pre-modification)

โครงสร้างพื้นฐานคือ Subject + Verb + [Adverb of Degree] + Adjective/Adverb หมายความว่า Adverb of Degree ต้องวางไว้ข้างหน้าคำที่เราต้องการขยายโดยตรง

ตัวอย่าง “She is very beautiful” (เธอสวยมาก) คำว่า “very” วางหน้า “beautiful” เพื่อขยายความสวย หรือ “He runs quite fast” (เขาวิ่งเร็วพอสมควร) คำว่า “quite” วางหน้า “fast” เพื่อขยายความเร็ว การวางตำแหน่งแบบนี้ช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจทันทีว่าเราต้องการเน้นส่วนไหนของประโยค

2. กฎข้อที่ 2: ตำแหน่งเมื่อขยายกริยาหลัก

เมื่อต้องการขยายกริยาหลัก (Main Verb) เราต้องวาง Adverb of Degree ไว้ข้างหน้ากริยาหลัก แต่หากมีกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ให้วางไว้หลังกริยาช่วยและหน้ากริยาหลัก

ตัวอย่าง “I really like chocolate” (ฉันชอบช็อกโกแลตจริงๆ) คำว่า “really” อยู่หน้ากริยาหลัก “like” หรือในกรณีที่มีกริยาช่วย “I have completely finished my work” (ฉันทำงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว) คำว่า “completely” อยู่หลังกริยาช่วย “have” และหน้ากริยาหลัก “finished” การจำกฎนี้จะช่วยให้ประโยคของเราถูกต้องและฟังเป็นธรรมชาติ

3. กฎข้อพิเศษ: ข้อยกเว้นของ “Enough” (Post-modification)

นี่คือข้อผิดพลาดที่คนไทยทำบ่อยที่สุด คำว่า “enough” เป็น Adverb of Degree ตัวเดียวที่ต้องวางไว้หลังคำที่ขยาย ไม่ใช่ข้างหน้า

โครงสร้างที่ถูกต้องคือ Adjective/Adverb + enough ตัวอย่างเช่น “good enough” (ดีพอแล้ว) “fast enough” (เร็วพอแล้ว) “tall enough” (สูงพอแล้ว) หรือ “He is strong enough to lift this box” (เขาแข็งแรงพอที่จะยกกล่องนี้ได้) ห้ามพูดว่า “enough good” หรือ “enough fast” เพราะจะผิดไวยากรณ์โดยสิ้นเชิง การจำกฎพิเศษนี้จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อยได้

IV. การวิเคราะห์ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (Common Pitfalls & Confusions)

1. ศึกแห่งความหมาย: Very (มาก) vs. Too (เกินไป)

หลายคนมักสับสนระหว่าง “very” กับ “too” แต่จริงๆ แล้วสองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน คำว่า very เป็นกลางหรือมีความหมายเชิงบวก ใช้เพื่อเน้นย้ำระดับของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในขณะที่ too มีความหมายเชิงลบ (Negative Connotation) หมายถึง “มากเกินไปจนเกิดผลเสีย”

ตัวอย่างที่ชัดเจน “This coffee is very hot” (กาแฟนี้ร้อนมาก) เป็นข้อความกลางๆ บอกข้อเท็จจริงว่าร้อน แต่ “This coffee is too hot” (กาแฟนี้ร้อนเกินไป) หมายความว่าร้อนจนดื่มไม่ได้หรือไม่สบาย หรืออีกตัวอย่าง “She is very young” (เธออายุน้อยมาก) เป็นข้อเท็จจริง แต่ “She is too young to drive” (เธอเด็กเกินกว่าจะขับรถได้) บอกว่าอายุน้อยเกินไปจนไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ การเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณสื่อสารได้ตรงใจมากขึ้น

2. การใช้ So vs. Very

อีกคู่คำที่มักสร้างความสับสนคือ “so” และ “very” แม้ทั้งสองคำจะแปลว่า “มาก” แต่การใช้งานมีความแตกต่าง คำว่า so มักใช้ในโครงสร้าง “so… that…” เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ตามมา หรือใช้เพื่อเน้นอารมณ์ในภาษาพูดมากกว่า very

ตัวอย่าง “I was so tired that I fell asleep immediately” (ฉันเหนื่อยมากจนหลับทันที) ประโยคนี้แสดงผลลัพธ์ชัดเจน ในขณะที่ “I was very tired” (ฉันเหนื่อยมาก) เป็นเพียงการบอกข้อเท็จจริงโดยไม่มีผลลัพธ์ตามมา นอกจากนี้ “so” ยังมักใช้ในภาษาพูดเพื่อแสดงอารมณ์ เช่น “This is so delicious!” (อร่อยมากเลย!) ซึ่งฟังมีอารมณ์มากกว่า “This is very delicious” ที่ฟังเป็นทางการกว่า

V. เกร็ดความรู้เสริมและคำถามที่น่าสนใจ (Supplemental Insights & FAQs)

1. Adverb of Degree คำไหนบ้างที่ใช้ได้เฉพาะภาษาเขียนหรือภาษาพูด?

การเลือกใช้ Adverb of Degree ให้เหมาะกับบริบทเป็นสิ่งสำคัญ คำบางคำเหมาะกับการสื่อสารเป็นทางการ ในขณะที่คำอื่นๆ ใช้ในการสนทนาทั่วไปมากกว่า

กลุ่มคำที่ใช้ในภาษาเขียนเป็นทางการ (Formal) ได้แก่ somewhat (ค่อนข้างเล็กน้อย) exceedingly (อย่างยิ่งยวด) considerably (อย่างมาก) remarkably (อย่างน่าทึ่ง) คำเหล่านี้มักปรากฏในเอกสารวิชาการ รายงาน หรือการสื่อสารทางธุรกิจ ตัวอย่าง “The results were exceedingly positive” (ผลลัพธ์เป็นบวกอย่างยิ่งยวด) หรือ “The situation has improved considerably” (สถานการณ์ดีขึ้นอย่างมาก)

กลุ่มคำที่ใช้ในภาษาพูดทั่วไป (Informal) ได้แก่ pretty (พอสมควร) super (สุดๆ) way (มากเลย) dead (สุดๆ – British slang) so (มาก – เน้นอารมณ์) คำเหล่านี้เหมาะกับการสนทนาระหว่างเพื่อนหรือสถานการณ์ไม่เป็นทางการ ตัวอย่าง “That’s pretty cool!” (นั่นเจ๋งดีนะ!) “I’m super excited!” (ตื่นเต้นสุดๆ!) หรือ “This is way too expensive” (แพงเกินไปเลย) การรู้จักแยกแยะจะช่วยให้คุณเลือกใช้คำให้เหมาะกับกาลเทศะได้

2. “Fairly” กับ “Quite” ต่างกันอย่างไรในความรู้สึกของเจ้าของภาษา?

คำสองคำนี้มักทำให้ผู้เรียนสับสน โดยเฉพาะเมื่อต้องเลือกใช้ในสถานการณ์จริง ความแตกต่างหลักอยู่ที่ระดับความเข้มข้นและความมั่นใจ

Fairly แปลว่า “พอประมาณ” หรือ “พอใช้ได้” มีความเข้มข้นปานกลาง ไม่โดดเด่นมากนัก ตัวอย่าง “The restaurant was fairly good” (ร้านอาหารนี้ดีพอประมาณ – ไม่ได้ดีเด่นมาก) หรือ “He’s fairly intelligent” (เขาฉลาดพอใช้ได้)

Quite ในภาษาอังกฤษแบบบริติชมีความเข้มข้นสูงกว่า fairly เล็กน้อย แปลว่า “ค่อนข้างมาก” หรือ “พอสมควร” โดยมีความมั่นใจมากกว่า ตัวอย่าง “The restaurant was quite good” (ร้านอาหารนี้ดีเลยทีเดียว) หรือ “He’s quite intelligent” (เขาฉลาดพอสมควร – มากกว่าปกติ) อย่างไรก็ตาม ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน quite อาจมีความหมายใกล้เคียงกับ fairly มากขึ้น จึงต้องระวังบริบทในการใช้

3. เราสามารถใช้ Adverb of Degree ซ้อนกันสองตัวได้หรือไม่? (Double Intensifiers)

คำตอบคือขึ้นอยู่กับบริบทและระดับความเป็นทางการ ในภาษาพูดทั่วไป การใช้ Adverb of Degree ซ้อนกันเพื่อเน้นย้ำอารมณ์เป็นเรื่องปกติ ตัวอย่าง “This is very, very good!” (นี่ดีมากๆ เลย!) “I’m really, really sorry” (ขอโทษจริงๆ นะ) “That’s so, so beautiful” (สวยมากๆ เลย) การพูดแบบนี้ช่วยแสดงความรู้สึกที่เข้มข้นและจริงใจ

อย่างไรก็ตาม ในภาษาเขียนเชิงวิชาการหรือเป็นทางการ ไม่ควรใช้ Adverb of Degree ซ้อนกัน เพราะถือว่าไม่เป็นทางการและขาดความแม่นยำ แทนที่จะเขียน “very, very important” ควรเลือกใช้คำที่เข้มข้นกว่า เช่น “extremely important” หรือ “crucially important” การรู้จักใช้คำเดียวที่ถูกต้องจะทำให้การเขียนของคุณดูมืออาชีพมากขึ้น

4. อะไรคือ “Mitigators” ในบริบทของ Adverb of Degree?

Mitigators คือคำศัพท์ทางเทคนิคที่ใช้เรียกกลุ่มคำที่ช่วยลดความรุนแรงหรือความเข้มข้นของประโยค คำเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์และการแสดงความสุภาพ (Politeness strategies) ในการสื่อสาร

ตัวอย่าง Mitigators ที่พบบ่อย ได้แก่ just a little (แค่นิดหน่อย) a bit (นิดนึง) somewhat (ค่อนข้างเล็กน้อย) slightly (เล็กน้อยมาก) rather (ค่อนข้าง) คำเหล่านี้ช่วยให้เราสื่อสารในเชิงลบหรือวิจารณ์ได้อย่างนุ่มนวล

ตัวอย่างการใช้ แทนที่จะพูดว่า “Your presentation was bad” (การนำเสอของคุณแย่) ซึ่งฟังหยาบ เราสามารถพูดว่า “Your presentation was a bit weak in some areas” (การนำเสอของคุณอ่อนไปหน่อยในบางส่วน) ฟังสุภาพและเป็นมิตรมากขึ้น หรือแทนที่จะพูดว่า “I disagree” (ฉันไม่เห็นด้วย) เราอาจพูดว่า “I’m slightly hesitant about that idea” (ฉันลังเลกับไอเดียนั้นนิดหน่อย) การใช้ Mitigators เป็นทักษะสำคัญในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและเคารพความรู้สึกผู้อื่น

Adverb of Degree ไม่ใช่แค่เครื่องมือในการบอกปริมาณหรือระดับเท่านั้น แต่คือกุญแจสำคัญในการสื่อสารอารมณ์ ความรู้สึก และความแม่นยำในภาษาอังกฤษ เมื่อคุณเข้าใจวิธีเลือกใช้คำที่เหมาะสม วางตำแหน่งถูกต้อง และจับคู่กับคำคุณศัพท์ประเภทที่ถูกต้อง การสื่อสารของคุณจะฟังเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Nalinee (นลินี)
Nalinee (นลินี)https://toeicmentor.com
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ Nalinee (นลินี) ผู้ดูแลเนื้อหาเว็บไซต์ Toeicmentor.com แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้เรียน TOEIC ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ฉันมีหน้าที่คัดสรรและจัดการเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และอัปเดตล่าสุดอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือกำลังเตรียมสอบเพื่อคะแนนที่สูงขึ้น Toeicmentor.com พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดในทุกขั้นตอนของการเรียนรู้ TOEIC ของคุณ
สารบัญ [hide]

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

โพสต์ใหม่

Adverb of Place สรุปครบจบในที่เดียว

สับสนว่าคำบอกสถานที่ควรวางไว้ตรงไหนในประโยคภาษาอังกฤษ? หลายคนมักผิดพลาดเรื่องการเรียงลำดับคำ โดยเฉพาะการใช้คำอย่าง "here", "there" หรือ "home"...

คลังแบบฝึกหัด Wh-Questions 4 ระดับ (พร้อมเฉลยละเอียด)

คุณกำลังหาแบบฝึกหัด wh questions ที่ครอบคลุมทุกระดับความยากไหม? บทความนี้รวบรวมโจทย์ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมเฉลยละเอียดและไฟล์ PDF...

รวมแบบฝึกหัด Present Perfect Tense พร้อมเฉลยละเอียด (เรียงจากง่ายไปยาก)

Present Perfect Tense เป็นโครงสร้างไวยากรณ์ที่เชื่อมเหตุการณ์ในอดีตเข้ากับปัจจุบัน ซึ่งหลายคนมักสับสนกับ Past Simple...