การสั่งอาหารในร้านอาหารต่างชาติอาจทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับพนักงานหรืออธิบายความต้องการของตัวเอง แต่ความกังวลเหล่านี้จะหมดไปหลังจากที่คุณได้อ่านบทความนี้ บทความนี้เป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่รวบรวมคําศัพท์ในร้านอาหารภาษาอังกฤษที่จำเป็นทั้งหมด ตั้งแต่คำศัพท์พื้นฐานที่ใช้บ่อย ไปจนถึงบทสนทนาที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในทุกสถานการณ์ ทั้งการจองโต๊ะ การสั่งอาหาร และการชำระเงิน ข้อมูลทั้งหมดได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยและออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับคนไทย เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจในโลกแห่งความเป็นจริง
I. 10 ประโยคพื้นฐานสำหรับร้านอาหาร
ส่วนนี้เป็นทางลัดสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ประโยคสำคัญๆ ได้ทันที หรือสำหรับผู้ที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยแต่ต้องการความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษในร้านอาหาร
1. ประโยคสำคัญที่ต้องรู้ (Survival Phrases)
ประโยคเหล่านี้จะช่วยให้คุณรอดพ้นสถานการณ์พื้นฐานในร้านอาหารได้อย่างราบรื่น โดยแต่ละประโยคมาพร้อมคำอ่านและคำแปลที่เข้าใจง่าย
- “A table for two, please.” (อะ เท-เบิ้ล ฟอร์ ทู พลีซ) = ขอโต๊ะสำหรับสองคนครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อเดินเข้าร้านโดยไม่ได้จองล่วงหน้า
- “Can I see the menu?” (แคน ไอ ซี เดอะ เม-นิว) = ขอดูเมนูได้ไหมครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อต้องการขอเมนูจากพนักงาน
- “I’d like to order the grilled salmon.” (ไอด์ ไลค์ ทู ออร์-เดอร์ เดอะ กริลด์ แซล-มอน) = ผม/ดิฉันอยากสั่งปลาแซลมอนย่างครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อพร้อมที่จะสั่งอาหาร
- “What do you recommend?” (วอท ดู ยู เร-คอม-เมนด์) = คุณแนะนำอะไรดีครับ/คะ – ใช้เมื่อต้องการคำแนะนำจากพนักงาน
- “I’m allergic to peanuts.” (ไอม์ อะ-เลอร์-จิค ทู พี-นัทส์) = ผม/ดิฉันแพ้ถั่วลิสงครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อต้องการแจ้งการแพ้อาหาร
- “Could I have some water, please?” (คูด ไอ แฮฟ ซัม วอ-เทอร์ พลีซ) = ขอน้ำหน่อยได้ไหมครับ/คะ – ใช้เมื่อต้องการของเพิ่มเติม
- “The check, please.” (เดอะ เช็ค พลีซ) = เช็คบิลด้วยครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อต้องการชำระเงิน
- “Can we split the bill?” (แคน วี สปลิท เดอะ บิล) = แยกบิลได้ไหมครับ/คะ – ใช้เมื่อต้องการแบ่งชำระเงินแยกกัน
- “This was delicious!” (ดิส วอส ดิ-ลิ-เชิส) = อร่อยมากเลยครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อต้องการชมอาหาร
- “Keep the change.” (คีพ เดอะ เชนจ์) = เก็บเงินทอนไว้เลยครับ/ค่ะ – ใช้เมื่อต้องการให้ทิป
2. คลังคำศัพท์พื้นฐาน (Essential Vocabulary)
คำศัพท์ในส่วนนี้ถูกจัดกลุ่มตามหมวดหมู่เพื่อให้คุณจดจำและเรียกใช้ได้ง่าย โดยเป็นคำศัพท์ร้านอาหารที่จำเป็นจริงๆ ในชีวิตประจำวัน
คำศัพท์ | สัทอักษรสากล (IPA) | ความหมาย | ตัวอย่างประโยค |
Table Setting (อุปกรณ์บนโต๊ะ) | |||
Plate | /pleɪt/ | จาน | “Could you bring me a clean plate?” (ช่วยเอาจานใบสะอาดมาให้ได้ไหม) |
Fork | /fɔːrk/ | ส้อม | “I dropped my fork on the floor.” (ส้อมผมหล่นพื้นครับ) |
Knife | /naɪf/ | มีด | “Could I get a steak knife, please?” (ขอมีดสเต็กหน่อยได้ไหม) |
Spoon | /spuːn/ | ช้อน | “May I have a soup spoon?” (ขอช้อนซุปได้ไหมคะ) |
Napkin | /ˈnæp.kɪn/ | ผ้าเช็ดปาก | “Can I get another napkin?” (ขอผ้าเช็ดปากเพิ่มได้ไหม) |
Glass | /ɡlæs/ | แก้ว | “This glass has a crack in it.” (แก้วใบนี้มีรอยแตกนะคะ) |
Bowl | /boʊl/ | ชาม | “I’d like a bowl of soup.” (ขอซุปหนึ่งชามครับ) |
Chopsticks | /ˈtʃɒp.stɪks/ | ตะเกียบ | “Could I have chopsticks instead?” (ขอตะเกียบแทนได้ไหม) |
People (บุคลากร) | |||
Waiter/Waitress | /ˈweɪ.tər/ /ˈweɪ.trəs/ | พนักงานเสิร์ฟ | “Excuse me, waiter!” (ขอโทษครับ พนักงาน) |
Host/Hostess | /hoʊst/ /ˈhoʊ.stəs/ | พนักงานต้อนรับ | “The hostess will show you to your table.” (พนักงานต้อนรับจะพาคุณไปที่โต๊ะ) |
Chef | /ʃef/ | เชฟ/พ่อครัว | “Please give my compliments to the chef.” (ช่วยชมเชฟด้วยนะครับ) |
Bartender | /ˈbɑːr.ten.dər/ | บาร์เทนเดอร์ | “The bartender makes excellent cocktails.” (บาร์เทนเดอร์ทำค็อกเทลเก่งมาก) |
Documents & Items (เอกสารและสิ่งของ) | |||
Menu | /ˈmen.juː/ | เมนู | “May I see the menu, please?” (ขอดูเมนูได้ไหมคะ) |
Bill/Check | /bɪl/ /tʃek/ | บิล | “Could we have the bill, please?” (ขอบิลหน่อยครับ) |
Receipt | /rɪˈsiːt/ | ใบเสร็จ | “Can I have a receipt?” (ขอใบเสร็จด้วยค่ะ) |
Reservation | /ˌrez.ərˈveɪ.ʃən/ | การจอง | “I have a reservation under Johnson.” (ผมจองไว้ชื่อจอห์นสัน) |
Food Categories (ประเภทอาหาร) | |||
Appetizer | /ˈæp.ə.taɪ.zər/ | อาหารเรียกน้ำย่อย | “We’ll start with the appetizers.” (เราจะเริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย) |
Main course | /meɪn kɔːrs/ | จานหลัก | “What would you like for your main course?” (จานหลักจะรับอะไรดีคะ) |
Dessert | /dɪˈzɜːrt/ | ของหวาน | “Would you like to see the dessert menu?” (อยากดูเมนูของหวานไหม) |
Side dish | /saɪd dɪʃ/ | อาหารเสริม | “The steak comes with two side dishes.” (สเต็กมาพร้อมอาหารเสริมสองอย่าง) |
Beverages (เครื่องดื่ม) | |||
Water | /ˈwɔː.tər/ | น้ำ | “Still or sparkling water?” (น้ำเปล่าหรือน้ำโซดาคะ) |
Wine | /waɪn/ | ไวน์ | “I’ll have a glass of red wine.” (ขอไวน์แดงหนึ่งแก้วครับ) |
Beer | /bɪr/ | เบียร์ | “Do you have draft beer?” (มีเบียร์สดไหมครับ) |
Juice | /dʒuːs/ | น้ำผลไม้ | “Fresh orange juice, please.” (ขอน้ำส้มคั้นสดค่ะ) |
II. ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษในร้านอาหาร
หลังจากที่คุณได้เรียนรู้ประโยคพื้นฐานและคําศัพท์ในร้านอาหารภาษาอังกฤษแล้ว ส่วนต่อไปจะพาคุณลงลึกถึงบทสนทนาจริงตามลำดับเหตุการณ์ในร้านอาหาร เพื่อให้คุณเห็นภาพการใช้งานที่ต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
1. การจองโต๊ะ (Making a Reservation)
การจองโต๊ะล่วงหน้าเป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะมีที่นั่งรอคุณอยู่ โดยเฉพาะในร้านอาหารชื่อดังหรือช่วงเวลาเร่งรีบ
การจองผ่านโทรศัพท์: เริ่มต้นด้วยประโยค “I’d like to book a table for four people at 7 PM on Friday.” (ผม/ดิฉันต้องการจองโต๊ะสำหรับสี่คนเวลา 19:00 น. ในวันศุกร์ครับ/ค่ะ) หรือหากต้องการจองแบบเป็นทางการมากขึ้น ใช้ “I’d like to make a reservation for two at 6:30 PM tomorrow.” (ผม/ดิฉันต้องการทำการจองสำหรับสองคนเวลา 18:30 น. พรุ่งนี้ครับ/ค่ะ)
การ Walk-in: หากคุณไม่ได้จองล่วงหน้า เพียงแค่พูดว่า “A table for two, please.” (ขอโต๊ะสำหรับสองคนครับ/ค่ะ) หรือ “Do you have any tables available?” (มีโต๊ะว่างไหมครับ/คะ)
บทสนทนาตัวอย่าง:
- Host: “Good evening! Do you have a reservation?”
- Customer: “Yes, we have a reservation for four at 7 PM under Johnson.”
- Host: “Perfect! Right this way, please.”
2. เมื่อมาถึงร้าน (Arriving & Checking In)
เมื่อคุณมาถึงร้านอาหาร การแจ้งข้อมูลการจองหรือความต้องการของคุณอย่างชัดเจนจะช่วยให้กระบวนการต้อนรับราบรื่น
ประโยคที่ใช้บ่อย: พูดว่า “We have a reservation under Smith.” (เราจองไว้ชื่อสมิธครับ/ค่ะ) หรือหากต้องการเลือกตำแหน่งที่นั่ง ลองถาม “Could we have a table by the window?” (ขอโต๊ะริมหน้าต่างได้ไหมครับ/คะ) พนักงานมักจะนำคุณไปที่โต๊ะด้วยประโยค “This way, please.” (ทางนี้เลยครับ/ค่ะ) หรือ “Follow me.” (ตามผมมาเลยครับ)
บทสนทนาตัวอย่าง:
- Host: “Welcome! Do you have a reservation?”
- Customer: “Yes, under the name Lee.”
- Host: “Great! Your table is ready. This way, please.”
3. การสั่งอาหารและเครื่องดื่ม (Ordering Food & Drinks)
นี่คือส่วนที่สำคัญและใช้เวลามากที่สุดในร้านอาหาร การรู้วิธีสั่งอาหารอย่างถูกต้องและชัดเจนจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดี
3.1 การสั่งเครื่องดื่ม (Ordering Drinks)
พนักงานมักจะมาถามเรื่องเครื่องดื่มก่อนโดยพูดว่า “What can I get you to drink?” (จะรับอะไรดื่มดีครับ/คะ) คุณสามารถตอบว่า “I’ll have a glass of white wine, please.” (ขอไวน์ขาวหนึ่งแก้วครับ/ค่ะ) หรือ “Just water for now, thanks.” (แค่น้ำเปล่าก่อนนะครับ/ค่ะ ขอบคุณ) หากต้องการเครื่องดื่มพิเศษ ลองพูดว่า “Could I have a sparkling water with lemon?” (ขอน้ำโซดาใส่มะนาวได้ไหมครับ/คะ)
3.2 การสั่งอาหารเรียกน้ำย่อย (Ordering Appetizers)
เมื่อพนักงานถามว่า “Would you like to start with any appetizers?” (อยากเริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยไหมครับ/คะ) คุณสามารถพูดว่า “Yes, we’ll share the bruschetta.” (ครับ/ค่ะ เราจะแชร์บรุสเคตตาค่ะ) หรือหากไม่ต้องการ ตอบว่า “No, thank you. We’ll go straight to the main course.” (ไม่ล่ะครับ/ค่ะ ขอบคุณนะ เราจะสั่งจานหลักเลย)
3.3 การสั่งจานหลัก (Ordering Main Courses)
นี่คือจุดสำคัญที่สุดของการสั่งอาหาร เริ่มต้นด้วย “I’d like the grilled chicken with mashed potatoes.” (ผม/ดิฉันขอไก่ย่างกับมันฝรั่งบดครับ/ค่ะ) หากต้องการขอคำแนะนำ ถามว่า “What’s the chef’s special today?” (เมนูพิเศษของเชฟวันนี้คืออะไรครับ/คะ) หรือ “Which dish is the most popular?” (เมนูไหนเป็นที่นิยมที่สุดครับ/คะ)
การแจ้งความต้องการพิเศษ: หากคุณมีข้อจำกัดด้านอาหาร พูดว่า “I’m vegetarian. Do you have any vegetarian options?” (ผม/ดิฉันทานเจครับ/ค่ะ มีเมนูเจไหม) หรือ “I’m allergic to shellfish.” (ผม/ดิฉันแพ้หอยและปูครับ/ค่ะ) สำหรับการปรับเปลี่ยนรสชาติ ลองพูดว่า “Could I have that without onions?” (ขอแบบไม่ใส่หัวหอมได้ไหมครับ/คะ) หรือ “Can you make it less spicy?” (ทำแบบไม่เผ็ดมากได้ไหมครับ/คะ)
4. ระหว่างมื้ออาหาร (During the Meal)
ระหว่างที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับอาหาร อาจมีสถานการณ์ที่ต้องขอบริการเพิ่มเติมหรือแจ้งปัญหาต่างๆ
การขอของเพิ่ม: พูดว่า “Could I get another napkin?” (ขอผ้าเช็ดปากเพิ่มได้ไหมครับ/คะ) หรือ “Can I have some more bread?” (ขอขนมปังเพิ่มได้ไหมครับ/คะ) พนักงานมักจะถามว่า “How is everything?” (อาหารเป็นอย่างไรบ้างครับ/คะ) คุณสามารถตอบว่า “Everything is perfect, thank you.” (ทุกอย่างดีเยี่ยมเลยครับ/ค่ะ ขอบคุณนะ)
การแจ้งปัญหา: หากมีอะไรผิดพลาด พูดอย่างสุภาพว่า “Excuse me, my soup is cold.” (ขอโทษนะครับ/ค่ะ ซุปของผมเย็นแล้ว) หรือ “I think there’s been a mistake with my order.” (ผมคิดว่าออเดอร์ผมอาจจะผิดครับ) พนักงานที่ดีจะตอบสนองทันทีและแก้ไขปัญหาให้คุณ
5. การสั่งของหวานและจ่ายเงิน (Dessert & Paying)
เมื่อคุณทานอาหารหลักเสร็จแล้ว พนักงานอาจถามว่า “Would you like to see the dessert menu?” (อยากดูเมนูของหวานไหมครับ/คะ) คุณสามารถตอบว่า “Yes, please.” (ครับ/ค่ะ เอาเลย) หรือ “No, thank you. Just the check, please.” (ไม่ล่ะครับ/ค่ะ ขอบคุณนะ เช็คบิลเลยครับ/ค่ะ)
การชำระเงิน: เมื่อพร้อมจ่ายเงิน เรียกพนักงานและพูดว่า “Could we have the bill, please?” (ขอบิลหน่อยได้ไหมครับ/คะ) หรือ “The check, please.” (เช็คบิลด้วยครับ/ค่ะ) สำหรับการแบ่งจ่าย ใช้ประโยคร้านอาหารภาษาอังกฤษว่า “Can we split the bill three ways?” (แยกบิลเป็นสามส่วนได้ไหมครับ/คะ) และสำหรับวิธีการชำระเงิน พูดว่า “I’ll pay by card.” (จ่ายด้วยบัตรครับ/ค่ะ) หรือ “I’ll pay in cash.” (จ่ายเป็นเงินสดครับ/ค่ะ)
บทสนทนาตัวอย่าง:
- Customer: “The check, please.”
- Waiter: “Of course. I’ll be right back with that.”
- Customer: “Can I pay by credit card?”
- Waiter: “Certainly. Here you go.”
- Customer: “Keep the change.”
III. ถาม-ตอบ: เกร็ดความรู้และวัฒนธรรม
1. วัฒนธรรมทิปในร้านอาหาร
การให้ทิป (Tip หรือ Gratuity) เป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ในสหรัฐอเมริกา การให้ทิป 15-20% ของยอดบิลเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่คาดหวังได้ เนื่องจากพนักงานเสิร์ฟมักได้รับเงินเดือนพื้นฐานที่ต่ำและต้องพึ่งพารายได้จากทิป ส่วนในยุโรปหลายประเทศ ร้านอาหารมักจะรวมค่าบริการไว้ในบิลแล้ว (Service Charge) แต่การให้ทิปเพิ่ม 5-10% ก็ถือเป็นความใจดี สำหรับประเทศไทยและเอเชียหลายประเทศ การให้ทิปเป็นทางเลือกและขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในบริการ โดยทั่วไปแล้ว 10% ถือว่าเหมาะสม
2. จำเป็นต้องสั่งครบทุกคอร์สหรือไม่?
ไม่จำเป็นเลย การสั่งอาหารในร้านอาหารตะวันตกไม่มีกฎบังคับว่าต้องสั่งครบทุกคอร์ส (Appetizer – Main Course – Dessert) คุณสามารถสั่งเฉพาะจานหลักอย่างเดียวได้หากต้องการ หรือจะสั่งแค่อาหารเรียกน้ำย่อยหลายจานแล้วแชร์กันทานก็ได้ ร้านอาหารที่ดีจะให้ความยืดหยุ่นกับลูกค้าและไม่บังคับให้สั่งอาหารที่ไม่ต้องการ การบอกพนักงานว่า “Just the main course for me, please.” (สำหรับผมขอแค่จานหลักเลยครับ) เป็นเรื่องปกติทั่วไป
3. คำศัพท์เฉพาะในร้านอาหารชาติต่างๆ
แต่ละวัฒนธรรมมีคำศัพท์เฉพาะทางที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น ในร้านอาหารญี่ปุ่น คำว่า “Omakase” (โอมากาเสะ) หมายถึงการปล่อยให้เชฟเลือกเมนูให้คุณ ซึ่งถือเป็นการแสดงความไว้วางใจ ในร้านอาหารอิตาลี “Antipasto” (อันติปาสโต) คืออาหารเรียกน้ำย่อยแบบอิตาลี ส่วน “Bistecca” (บิสเต็กกา) คือเนื้อสเต็ก สำหรับร้านอาหารฝรั่งเศส “Hors d’oeuvre” (ออร์ เดิร์ฟว์) หมายถึงอาหารเรียกน้ำย่อยชนิดเล็กๆ ที่เสิร์ฟก่อนมื้ออาหารหลัก การรู้คำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเมนูและวัฒนธรรมการรับประทานอาหารได้ดียิ่งขึ้น
4. “Could I have…” vs “I want…”
ความแตกต่างระหว่างสองประโยคนี้อยู่ที่ระดับความสุภาพ “Could I have…” (คูด ไอ แฮฟ) เป็นการขอแบบสุภาพและนุ่มนวล ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้ในร้านอาหารและสถานการณ์ทางการ ส่วน “I want…” (ไอ วอนท์) แม้จะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่ฟังดูตรงไปตรงมาเกินไปและอาจฟังเหมือนการสั่งหรือเรียกร้องมากกว่าการขอ ในภาษาอังกฤษ การใช้รูปแบบคำถาม (Could, Can, May) แสดงถึงความนอบน้อมและการเคารพผู้ฟัง ดังนั้นในร้านอาหาร ควรพูดว่า “Could I have a glass of water?” มากกว่า “I want water.” เพราะจะสร้างความประทับใจที่ดีกับพนักงานและแสดงให้เห็นถึงมารยาทที่ดี
ด้วยคลังคำศัพท์ในร้านอาหารภาษาอังกฤษที่ครอบคลุมนี้ รวมถึงประโยคร้านอาหารภาษาอังกฤษที่ใช้งานได้จริง คุณพร้อมแล้วที่จะสั่งอาหารและสื่อสารในร้านอาหารได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ!