TOEIC GrammarLinking Verb คืออะไร? สรุปครบทุกประเด็นพร้อมเทคนิคแยกจาก Action Verb

Linking Verb คืออะไร? สรุปครบทุกประเด็นพร้อมเทคนิคแยกจาก Action Verb

หลายคนมักสับสนระหว่าง Linking Verb กับ Action Verb โดยเฉพาะคำอย่าง “look”, “feel”, “taste” ที่บางครั้งเป็นกริยาแสดงการกระทำ บางครั้งกลับเป็นกริยาบอกสภาพ ความจริงแล้ว linking verb คือ กริยาเชื่อมที่ทำงานเหมือนเครื่องหมายเท่ากับในประโยค เชื่อมประธานเข้ากับคำบอกลักษณะหรือสภาพ ไม่ใช่แสดงการกระทำ บทความนี้รวบรรวม linking verb มีอะไรบ้าง ครบทั้ง 3 กลุ่มหลัก พร้อม linking verb examples ชัดเจนและเทคนิค Substitution Test ที่ใช้แยกได้แม่นยำทุกครั้ง อ่านจบรับรองไม่สับสนอีกต่อไป!

I. Linking Verb คืออะไร?

Linking Verb คือ กริยาเชื่อมที่ทำหน้าที่เหมือนเครื่องหมายเท่ากับในประโยค โดยเชื่อมประธาน (Subject) เข้ากับคำที่บอกสภาพหรือคุณลักษณะของประธานนั้น แทนที่จะแสดงการกระทำอย่างที่กริยาทั่วไปทำ ลองนึกภาพว่า Linking Verb เป็นสะพานที่เชื่อมสองฝั่งเข้าด้วยกัน ฝั่งหนึ่งคือประธาน อีกฝั่งคือคำอธิบายสภาพของประธาน ตัวอย่างเช่น ในประโยค “She is a teacher” คำว่า “is” ทำหน้าที่เชื่อม She กับ a teacher เพื่อบอกว่า She = a teacher นั่นเอง ซึ่งแตกต่างจาก Action Verb ที่แสดงการกระทำที่มองเห็นได้ชัดเจน

โครงสร้างประโยคและองค์ประกอบที่ต้องรู้

การใช้ linking verb คือ การสร้างประโยคตามโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจน โดยมีสูตรหลักคือ:

Subject + Linking Verb + Subject Complement

Subject Complement หรือ “ส่วนเติมเต็มประธาน” คือคำหรือกลุ่มคำที่มาหลัง Linking Verb เพื่ออธิบายหรือบอกลักษณะของประธาน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักตามลักษณะการขยายความ ได้แก่:

  • การขยายด้วย Adjective (คำคุณศัพท์): ใช้บอกคุณสมบัติหรือลักษณะของประธาน เช่น “My cat is fluffy” (แมวของฉันฟูนุ่ม) คำว่า fluffy เป็นคำคุณศัพท์ที่บอกลักษณะของแมว
  • การขยายด้วย Noun (คำนาม): ใช้บอกว่าประธานคืออะไรหรือเป็นอะไร เช่น “He became a firefighter” (เขากลายเป็นนักดับเพลิง) คำว่า a firefighter เป็นคำนามที่บอกอาชีพของเขา

II. Linking Verb มีอะไรบ้าง? (รวมรายการฉบับสมบูรณ์)

1. กลุ่ม Verb to be: กริยาเชื่อมที่สำคัญที่สุด

กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่ม linking verb ที่พบบ่อยและใช้มากที่สุดในภาษาอังกฤษ เพราะเป็นรูปแบบพื้นฐานที่ใช้บอกสภาพหรือความเป็นอยู่ของประธาน ไม่ว่าจะเป็นในกาลไหน Verb to be จะเปลี่ยนรูปไปตามประธานและเวลาที่ใช้ในประโยค โดยรูปแบบต่างๆ ของ Verb to be ที่ควรจำได้แก่:

  • is (ใช้กับประธานเอกพจน์ในปัจจุบัน)
  • am (ใช้กับ I เท่านั้น)
  • are (ใช้กับประธานพหูพจน์หรือ you)
  • was (ใช้กับประธานเอกพจน์ในอดีต)
  • were (ใช้กับประธานพหูพจน์หรือ you ในอดีต)
  • be, been, being (รูปแบบอื่นๆ ที่ใช้กับ Tense ต่างๆ)

ตัวอย่างการใช้งาน: “The sky is blue” (ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า), “They were students” (พวกเขาเคยเป็นนักเรียน), “She has been tired lately” (เธอเหนื่อยมาสักพักแล้ว)

2. กลุ่มประสาทสัมผัส (Sense Verbs)

กลุ่มนี้ใช้บอกสภาพของสิ่งต่างๆ ผ่านการรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้งห้า ทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าสิ่งนั้นดู ฟัง รู้สึก ชิม หรือได้กลิ่นเป็นอย่างไร คำกลุ่มนี้เป็น linking verb examples ที่ชัดเจนและใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน:

  • look (ดูเหมือน)
  • feel (รู้สึก)
  • taste (มีรสชาติ)
  • smell (มีกลิ่น)
  • sound (ฟังดู)

ตัวอย่าง: “The cake tastes delicious” (เค้กมีรสชาติอร่อย), “Her voice sounds beautiful” (เสียงของเธอฟังดูไพเราะ), “This fabric feels soft” (ผ้านี้สัมผัสนุ่ม)

ข้อควรระวัง: คำกลุ่มนี้สามารถเป็น Action Verb ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับบริบทของประโยค ซึ่งเราจะอธิบายเทคนิคการแยกความแตกต่างในหัวข้อถัดไป

3. กลุ่มแสดงสภาวะและการเปลี่ยนแปลง (State of Being Verbs)

กลุ่มนี้ใช้แสดงสภาวะที่คงอยู่หรือการเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปเป็นอีกสภาพหนึ่ง เหมาะสำหรับการบรรยายกระบวนการหรือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คำใน linking verb มีอะไรบ้าง ในกลุ่มนี้ประกอบด้วย:

  • appear (ปรากฏเป็น, ดูเหมือน)
  • seem (ดูเหมือนว่า)
  • become (กลายเป็น)
  • grow (เติบโตเป็น, กลายเป็นค่อยๆ)
  • remain (ยังคงเป็น)
  • stay (คงอยู่เป็น)
  • turn (เปลี่ยนเป็น)

ตัวอย่างประโยคที่แสดงการเปลี่ยนแปลง: “The leaves turn yellow in autumn” (ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง), “He became a doctor after years of study” (เขากลายเป็นหมอหลังจากเรียนมาหลายปี), “The situation remains unclear” (สถานการณ์ยังคงไม่ชัดเจน)

III. เทคนิคแยก Linking Verb ออกจาก Action Verb

แก่นแท้ของความแตกต่างระหว่าง linking verb คือ กับ Action Verb อยู่ที่ “หน้าที่” ของคำในประโยค Linking Verb ทำหน้าที่เชื่อมประธานเข้ากับคำที่อธิบายสภาพ ลักษณะ หรือคุณสมบัติของประธาน ไม่มีการกระทำเกิดขึ้นจริง ขณะที่ Action Verb แสดงการกระทำที่ประธานลงมือทำจริงๆ ซึ่งมองเห็นหรือรับรู้ได้ชัดเจน การเข้าใจจุดนี้จะช่วยให้คุณแยกแยะได้ถูกต้องทุกครั้ง

ตารางเปรียบเทียบคำต่อคำให้เห็นภาพชัด

เทคนิคแยก Linking Verb ออกจาก Action Verb

คำกริยา เมื่อเป็น Linking Verb เมื่อเป็น Action Verb
taste The soup tastes good. (ซุป = รสชาติดี / ซุปมีรสชาติดี) I tasted the soup. (ฉันลงมือชิมซุป / ฉันชิมซุป)
look She looks tired. (เธอ = เหนื่อย / เธอดูเหนื่อย) She looks at the mirror. (เธอลงมือมองที่กระจก / เธอมองกระจก)
smell The flowers smell sweet. (ดอกไม้ = หอมหวาน / ดอกไม้มีกลิ่นหอมหวาน) He smells the flowers. (เขาลงมือดมดอกไม้ / เขาดมดอกไม้)
grow The child grew tall. (เด็ก = สูงขึ้น / เด็กโตเป็นคนสูง) They grow vegetables. (พวกเขาลงมือปลูกผัก / พวกเขาปลูกผัก)
feel The blanket feels warm. (ผ้าห่ม = อบอุ่น / ผ้าห่มให้ความรู้สึกอบอุ่น) She feels the fabric. (เธอลงมือสัมผัสผ้า / เธอสัมผัsผ้า)

สังเกตว่าเมื่อเป็น Linking Verb ประโยคจะเน้นที่การบอกลักษณะของประธาน ส่วนเมื่อเป็น Action Verb ประโยคจะเน้นที่การกระทำที่ประธานทำจริงๆ

IV. คำถามที่พบบ่อย (FAQs) เกี่ยวกับ Linking Verbs

1. [เปรียบเทียบ] Linking Verb ต่างจาก Helping Verb อย่างไร?

ตอบ: Linking Verb คือกริยาแท้ (Main Verb) ของประโยคที่ทำหน้าที่เชื่อมประธานกับคำบอกสภาพ เช่น “She is happy” (is เป็น Linking Verb) ส่วน Helping Verb หรือกริยาช่วย (Auxiliary Verb) คือกริยาที่มาช่วยกริยาแท้ตัวอื่นเพื่อสร้าง Tense หรือความหมายพิเศษ เช่น “She is running” (is เป็น Helping Verb ที่ช่วย running) จุดสำคัญคือ Linking Verb ยืนคนเดียวได้ แต่ Helping Verb ต้องมากับกริยาแท้เสมอ

2. [ใช่/ไม่ใช่] Sense Verbs เป็น Linking Verb เสมอไปใช่หรือไม่?

ตอบ: ไม่ใช่ Sense Verbs อย่าง look, feel, taste, smell, sound สามารถเป็นทั้ง Linking Verb และ Action Verb ได้ ขึ้นอยู่กับบริบทของประโยค ถ้าบอกสภาพก็เป็น Linking Verb เช่น “The cake tastes sweet” (เค้กมีรสหวาน) แต่ถ้าแสดงการกระทำก็เป็น Action Verb เช่น “I taste the cake” (ฉันชิมเค้ก) ใช้ Substitution Test ช่วยตรวจสอบได้ทุกครั้ง

3. [จัดกลุ่ม] มีวิธีจัดกลุ่ม Linking Verb แบบอื่นอีกหรือไม่?

ตอบ: นอกจากการจัดกลุ่มตามหน้าที่ที่เราได้กล่าวมาแล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางท่านยังจัดกลุ่ม Linking Verb ตามลักษณะการบอกสภาพได้อีก เช่น Current Linking Verbs ที่บอกสภาพปัจจุบัน (is, seem, appear, remain) และ Resulting Linking Verbs ที่บอกผลลัพธ์หรือการเปลี่ยนแปลง (become, grow, turn, get) การจัดกลุ่มแบบนี้ช่วยให้เข้าใจความหมายเชิงลึกและเลือกใช้คำได้เหมาะสมกับบริบทมากขึ้น

ลองนึกภาพ Linking Verb เป็นสะพานที่เชื่อมสองฝั่งแม่น้ำเข้าด้วยกัน ฝั่งหนึ่งคือประธานของประโยค อีกฝั่งคือคำที่บอกลักษณะหรือสภาพของประธานนั้น สะพานนี้ไม่ได้ทำอะไรเอง แต่ทำให้ทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ การเข้าใจแนวคิดนี้จะช่วยให้คุณใช้ Linking Verb ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการพูด ประโยคของคุณจะมีความชัดเจนและถ่ายทอดความหมายได้ตรงจุดมากขึ้น

ความรู้จะกลายเป็นทักษะได้ก็ต่อเมื่อคุณนำไปใช้จริง ลองเริ่มจากการสังเกต Linking Verb ในบทความภาษาอังกฤษที่คุณอ่านทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นข่าว บล็อก หรือโซเชียลมีเดีย จากนั้นท้าทายตัวเองด้วยการแต่งประโยคใช้ Linking Verb ที่หลากหลาย อาจเริ่มจากประโยคง่ายๆ เช่น “The coffee smells good” แล้วค่อยพัฒนาไปสู่ประโยคที่ซับซ้อนขึ้น ยิ่งฝึกบ่อยเท่าไร ความคุ้นเคยก็จะเพิ่มขึ้น และในที่สุดคุณจะใช้ Linking Verb ได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องคิดมาก

Nalinee (นลินี)
Nalinee (นลินี)https://toeicmentor.com
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ Nalinee (นลินี) ผู้ดูแลเนื้อหาเว็บไซต์ Toeicmentor.com แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้เรียน TOEIC ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ฉันมีหน้าที่คัดสรรและจัดการเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และอัปเดตล่าสุดอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือกำลังเตรียมสอบเพื่อคะแนนที่สูงขึ้น Toeicmentor.com พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดในทุกขั้นตอนของการเรียนรู้ TOEIC ของคุณ

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

โพสต์ใหม่

คลังแบบฝึกหัด Wh-Questions 4 ระดับ (พร้อมเฉลยละเอียด)

คุณกำลังหาแบบฝึกหัด wh questions ที่ครอบคลุมทุกระดับความยากไหม? บทความนี้รวบรวมโจทย์ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมเฉลยละเอียดและไฟล์ PDF...

รวมแบบฝึกหัด Present Perfect Tense พร้อมเฉลยละเอียด (เรียงจากง่ายไปยาก)

Present Perfect Tense เป็นโครงสร้างไวยากรณ์ที่เชื่อมเหตุการณ์ในอดีตเข้ากับปัจจุบัน ซึ่งหลายคนมักสับสนกับ Past Simple...

รวมแบบฝึกหัด Present Continuous Tense กว่า 50 ข้อ! พร้อมเฉลยละเอียด

การเรียน Present Continuous มักทำให้ผู้เรียนสับสนเรื่องการสะกดคำกริยา การเลือกใช้ is, am,...