Reflexive Pronoun คืออะไร? สรุปครบทุกการใช้งาน ตัวอย่าง และข้อควรระวัง (ฉบับสมบูรณ์)

Reflexive Pronoun คือ สรรพนามที่หลายคนมักใช้ผิดโดยไม่รู้ตัว ทำให้ประโยคฟังดูแปลกหรือผิดไวยากรณ์ไปเลย บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการใช้งานขั้นสูง พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน ข้อผิดพลาดที่ควรระวัง และเทคนิคจำง่ายที่จะช่วยให้คุณใช้ myself, yourself, himself และคำอื่นๆ ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

I. Reflexive Pronoun คืออะไร?

ลองนึกภาพตอนที่คุณยืนส่องกระจก สิ่งที่คุณเห็นคือภาพสะท้อนของตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น แนวคิดนี้เหมือนกับ reflexive pronoun คือ พอดี ในประโยค reflexive pronoun คือคำสรรพนามที่ใช้เมื่อประธานและกรรมเป็นบุคคลเดียวกัน หรือพูดง่ายๆ คือ คนทำกริยากับตัวเองนั่นเอง การกระทำที่เกิดขึ้นสะท้อนกลับมาหาผู้กระทำ ไม่ได้กระทำต่อผู้อื่น

1. คำจำกัดความที่ง่ายที่สุด

Reflexive pronoun คำสรรพนามที่ลงท้ายด้วย -self (เอกพจน์) หรือ -selves (พหูพจน์) ที่ชี้กลับไปหาประธานของประโยค หมายความว่าประธานทำกริยานั้นกับตัวเอง ไม่ใช่ทำกับคนอื่นหรือสิ่งอื่น ตัวอย่างเช่น “I hurt myself” แปลว่า ฉันทำร้ายตัวเอง

2. ทำไมเราต้องใช้?

การใช้ reflexive pronoun ทำให้ความหมายของประโยคเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มาดูความแตกต่างกัน:

She hurt Jane. = เธอทำร้ายเจน (ทำร้ายคนอื่น)
She hurt herself. = เธอทำร้ายตัวเอง (ทำร้ายตัวเธอเอง)

He taught Tom. = เขาสอนทอม (สอนคนอื่น)
He taught himself. = เขาสอนตัวเอง (เรียนรู้ด้วยตัวเอง)

เห็นไหมว่าถ้าไม่ใช้ reflexive pronoun ความหมายจะผิดเพี้ยนไปเลย

II. รายการ Reflexive Pronouns ทั้งหมด

Reflexive pronouns มีทั้งหมด 8 คำ แบ่งตามประธานที่ใช้ในประโยค มาดูตารางเพื่อให้จำง่ายขึ้น:

สังเกตว่าคำเอกพจน์ลงท้ายด้วย -self ส่วนพหูพจน์ลงท้ายด้วย -selves เสมอ

III. 2 หลักการใช้งานหลัก Reflexive pronouns

Reflexive pronouns มีการใช้งาน 2 แบบหลักที่ต่างกัน คุณต้องเข้าใจทั้งสองแบบเพื่อใช้ให้ถูกต้อง

1. การใช้งานแบบ Reflexive (สะท้อนกลับ)

นี่คือหน้าที่หลักของ reflexive pronoun ใช้เมื่อประธานทำกริยากับตัวเอง กรรมและประธานเป็นคนเดียวกัน:

• I see myself in the mirror. = ฉันเห็นตัวเองในกระจก
• He taught himself Spanish. = เขาสอนภาษาสเปนให้ตัวเอง (เรียนรู้ด้วยตัวเอง)
• She introduced herself to the group. = เธอแนะนำตัวเองกับกลุ่ม
• The cat cleaned itself. = แมวทำความสะอาดตัวเอง
• We should be proud of ourselves. = พวกเราควรภูมิใจในตัวเอง 
• They enjoyed themselves at the party. = พวกเขาสนุกกับงานเลี้ยง (สนุกเอง ไม่ใช่ทำให้คนอื่นสนุก)

2. การใช้งานแบบ Emphatic (เพื่อเน้นย้ำ)

ใช้เพื่อเน้นย้ำว่าประธานทำกริยานั้นด้วยตัวเอง ไม่มีคนอื่นช่วย สิ่งสำคัญคือถ้าตัด reflexive pronoun ออกไป ประโยคยังคงมีความหมายครบถ้วน แค่ขาดความเน้นย้ำเท่านั้น คุณสามารถวางไว้ 2 ตำแหน่ง:

ตำแหน่งที่ 1: หลังประธานทันที

• The queen herself visited the village. = ราชินีเสด็จมาเยือนหมู่บ้านด้วยพระองค์เอง
• I myself will handle this problem. = ฉันจะจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง

ตำแหน่งที่ 2: ท้ายประโยค

• I will do it myself. = ฉันจะทำมันเอง
• She baked the cake herself. = เธอทำเค้กด้วยตัวเอง (ไม่ได้ซื้อมา)

IV. การใช้งานขั้นสูงและข้อควรระวัง

เมื่อเข้าใจพื้นฐานแล้ว มาดูรายละเอียดที่จะช่วยให้คุณใช้ reflexive pronouns ได้อย่างเชี่ยวชาญ

1. การใช้กับคำบุพบท

Reflexive pronouns มักปรากฏในสำนวนที่มีคำบุพบทนำหน้า ซึ่งใช้บ่อยมาก:

• by myself/yourself/himself = คนเดียว โดยลำพัง
  ตัวอย่าง: She lives by herself. = เธออยู่คนเดียว
• for myself/yourself/himself = สำหรับตัวเอง
  ตัวอย่าง: I bought this book for myself. = ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้ไว้อ่านเอง
• to myself/yourself/himself = กับตัวเอง เงียบๆ
  ตัวอย่าง: He kept the secret to himself. = เขาเก็บความลับไว้กับตัวเอง
• of myself/yourself/himself = เกี่ยวกับตัวเอง
  ตัวอย่าง: I’m proud of myself. = ฉันภูมิใจในตัวเอง

2. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (Common Mistakes)

2.1 ใช้ me, him แทน myself, himself

เวลาประธานและกรรมเป็นคนเดียวกัน ต้องใช้ reflexive pronoun เท่านั้น

❌ ผิด: He bought him a car.
✅ ถูก: He bought himself a car. = เขาซื้อรถให้ตัวเอง

❌ ผิด: I made me a cup of coffee.
✅ ถูก: I made myself a cup of coffee. = ฉันชงกาแฟดื่มเอง

2.2 คำที่ไม่มีจริง

คำว่า theirselves และ hisself เป็นคำที่ผิด ไม่มีในภาษาอังกฤษมาตรฐาน อย่าใช้เด็ดขาด

❌ ผิด: They enjoyed theirselves.
✅ ถูก: They enjoyed themselves.

❌ ผิด: He hurt hisself.
✅ ถูก: He hurt himself.

2.3 การใช้เกินความจำเป็น

กริยาบางคำไม่ต้องใช้ reflexive pronoun เพราะความหมายของมันบอกอยู่แล้วว่าทำกับตัวเอง เช่น feel (รู้สึก), relax (ผ่อนคลาย), concentrate (มีสมาธิ), wash (อาบน้ำ), dress (แต่งตัว)

❌ ผิด: I feel myself tired.
✅ ถูก: I feel tired. = ฉันรู้สึกเหนื่อย

❌ ผิด: She should relax herself.
✅ ถูก: She should relax. = เธอควรผ่อนคลาย

❌ ผิด: He needs to concentrate himself.
✅ ถูก: He needs to concentrate. = เขาต้องตั้งสมาธิ

V. คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

1. Reciprocal Pronoun ต่างจาก Reflexive Pronoun อย่างไร?

Reflexive pronoun ใช้เมื่อคนทำกริยากับตัวเอง (A → A) ส่วน reciprocal pronoun คำว่า “each other” หรือ “one another” ใช้เมื่อสองคนขึ้นไปทำกริยาต่อกันและกัน (A ↔ B) เปรียบเทียบ: They blamed themselves. (พวกเขาโทษตัวเอง แต่ละคนโทษตัวเอง) กับ They blamed each other. (พวกเขาโทษกันและกัน A โทษ B และ B โทษ A)

2. ‘myself’ กับ ‘me’ ใช้ต่างกันอย่างไรในประโยค?

ใช้ myself เฉพาะเมื่อประธานของประโยคคือ I และกรรมก็คือตัวฉันเอง เช่น I hurt myself. ส่วน me ใช้เป็นกรรมทั่วไป ตัวอย่างคลาสสิก: Please send the report to John and me. (ไม่ใช่ myself) เพราะประธานของประโยคคือ you (แฝง) ไม่ใช่ I จึงใช้ me ที่ถูกต้อง

3. คำว่า ‘ourself’ มีอยู่จริงหรือไม่?

มีอยู่จริง แต่ใช้ในกรณีพิเศษมาก คือเมื่อใช้ “we” แทนบุคคลเดียว เช่น ในการเขียนเชิงทางการหรือราชาศัพท์ (Royal “we”) ตัวอย่าง: We found ourself in a difficult situation. (ในเอกสารทางการบางประเภท) แต่ในชีวิตประจำวัน ให้ใช้ ourselves เสมอ เพราะ we หมายถึงหลายคน

4. Pronoun ที่ลงท้ายด้วย -self/-selves มีหน้าที่อื่นอีกไหม?

หน้าที่หลักมี 2 อย่างที่กล่าวไปแล้ว คือ reflexive (สะท้อนกลับ) และ emphatic (เน้นย้ำ) ในทางภาษาศาสตร์ บางครั้งเรียกการใช้งานแบบเน้นย้ำว่า “intensive pronoun” แต่โครงสร้างคำเหมือนกันทุกประการ แค่หน้าที่ในประโยคต่างกัน

ตอนนี้คุณมีความรู้ครบถ้วนเกี่ยวกับ reflexive pronoun คือ อะไรและใช้อย่างไร ตั้งแต่หลักการพื้นฐานไปจนถึงข้อควรระวังที่สำคัญ สิ่งที่เหลืออยู่คือการนำไปใช้ให้เกิดความชำนาญ ลองสังเกตประโยคที่คุณพูดหรือเขียนในแต่ละวัน ถามตัวเองว่า “ประธานกับกรรมเป็นคนเดียวกันไหม” ถ้าใช่ ก็ถึงเวลาใช้ reflexive pronoun การเรียนรู้ไวยากรณ์ไม่จำเป็นต้องยาก เพียงแค่เข้าใจหลักการและฝึกฝนสม่ำเสมอ คุณจะพบว่าการใช้ reflexive pronouns กลายเป็นเรื่องธรรมชาติ