เคยเจอนามบัตรหรืออีเมลที่มี CEO, VP, หรือ GM แล้วไม่แน่ใจว่าแต่ละตัวย่อหมายถึงอะไรใช่ไหม? ในโลกของการทำงานยุคใหม่ การเข้าใจตัวย่อตำแหน่งภาษาอังกฤษไม่ใช่แค่เรื่องของการรู้คำศัพท์ แต่เป็นทักษะสำคัญที่สะท้อนความเป็นมืออาชีพของคุณ เมื่อคุณรู้ว่าใครทำหน้าที่อะไร คุณจะสามารถสื่อสารได้อย่างตรงจุด เข้าใจโครงสร้างองค์กรได้ชัดเจน และสร้างความประทับใจในทุกการประสานงาน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับคำย่อภาษาอังกฤษที่ใช้กันบ่อยที่สุด พร้อมอธิบายหน้าที่และความแตกต่างของแต่ละตำแหน่งอย่างครบถ้วน เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกการสื่อสารทางธุรกิจ
I. ตารางสรุป 20 ตัวย่อตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุด
สำหรับผู้ที่ต้องการคำตอบอย่างรวดเร็ว นี่คือ 20 ตัวย่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษที่คุณจะพบบ่อยที่สุดในสภาพแวดล้อมการทำงานสากล ตารางนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวย่อตำแหน่งภาษาอังกฤษพื้นฐานที่ควรรู้จักไว้ทันที

| ตัวย่อ | ชื่อเต็มภาษาอังกฤษ | คำแปล/ตำแหน่งในภาษาไทย |
| CEO | Chief Executive Officer | ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/ซีอีโอ |
| COO | Chief Operating Officer | ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ |
| CFO | Chief Financial Officer | ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน |
| CTO | Chief Technology Officer | ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี |
| CMO | Chief Marketing Officer | ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด |
| VP | Vice President | รองประธาน |
| SVP | Senior Vice President | รองประธานอาวุโส |
| EVP | Executive Vice President | รองประธานบริหาร |
| GM | General Manager | ผู้จัดการทั่วไป |
| MD | Managing Director | กรรมการผู้จัดการ |
| Dir. | Director | ผู้อำนวยการ/ผู้บริหาร |
| Mgr. | Manager | ผู้จัดการ |
| Asst. Mgr. | Assistant Manager | ผู้ช่วยผู้จัดการ |
| HR | Human Resources | ฝ่ายทรัพยากรบุคคล |
| IT | Information Technology | ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ |
| PM | Project Manager / Product Manager | ผู้จัดการโครงการ/ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ |
| BD | Business Development | ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ |
| Ops | Operations | ฝ่ายปฏิบัติการ |
| PR | Public Relations | ฝ่ายประชาสัมพันธ์ |
| QA | Quality Assurance | ฝ่ายประกันคุณภาพ |
II. เจาะลึกตัวย่อตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง (C-Level Executive)
C-Level คือกลุ่มผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีอำนาจตัดสินใจในระดับกลยุทธ์ ตัวอักษร “C” มาจากคำว่า “Chief” ซึ่งหมายถึงหัวหน้าสายงานหลักของบริษัท ตำแหน่งเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและการเติบโตขององค์กรทั้งหมด
- CEO – Chief Executive Officer (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)
CEO คือตำแหน่งสูงสุดในองค์กร รับผิดชอบกำหนดวิสัยทัศน์และทิศทางธุรกิจโดยรวม บุคคลในตำแหน่งนี้ต้องตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ นำเสนอผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการ และเป็นหน้าตาของบริษัทต่อสาธารณะ CEO มักเป็นผู้รายงานตรงต่อคณะกรรมการบริษัท และมีอำนาจสูงสุดในการบริหารองค์กร
- COO – Chief Operating Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ)
COO ดูแลการดำเนินงานประจำวันขององค์กรทั้งหมด รับผิดชอบให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ที่วางไว้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ตำแหน่งนี้มักเป็นมือขวาของ CEO และทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกแผนกเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำงานและการจัดการทรัพยากรให้เหมาะสม
- CFO – Chief Financial Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน)
CFO เป็นผู้รับผิดชอบด้านการเงินและการบัญชีทั้งหมดขององค์กร ตำแหน่งนี้ดูแลการวางแผนทางการเงิน การจัดทำงบประมาณ การบริหารเงินสด และการรายงานทางการเงินต่อผู้มีส่วนได้เสีย CFO ยังต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงทางธุรกิจ ให้คำแนะนำด้านการลงทุน และรับผิดชอบต่อความมั่นคงทางการเงินของบริษัท
- CTO – Chief Technology Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี)
CTO กำหนดทิศทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมขององค์กร บุคคลในตำแหน่งนี้รับผิดชอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือระบบเทคโนโลยีใหม่ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที และการวิจัยเพื่อให้องค์กรก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว CTO มักทำงานร่วมกับทีมพัฒนาและวิศวกรเพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
- CMO – Chief Marketing Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด)
CMO ดูแลกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารแบรนด์ทั้งหมด ตำแหน่งนี้รับผิดชอบการสร้างการรับรู้แบรนด์ การวางแผนแคมเปญการตลาด การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และการพัฒนาประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมาย CMO ต้องเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้งและสามารถนำเสนอคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างโดดเด่น
- CHRO – Chief Human Resources Officer (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล)
CHRO กำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านการบริหารบุคลากรทั้งหมด รับผิดชอบการสรรหาและพัฒนาพนักงาน การสร้างวัฒนธรรมองค์กร การจัดการค่าตอบแทนและสวัสดิการ รวมถึงการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ตำแหน่งนี้มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถไว้กับองค์กร
III. ทำความเข้าใจลำดับชั้น: ตัวย่อตำแหน่งระดับจัดการ
โครงสร้างการจัดการในองค์กรส่วนใหญ่มีการแบ่งระดับชั้นที่ชัดเจน เพื่อให้เข้าใจขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแต่ละตำแหน่งได้ดียิ่งขึ้น มาดูความแตกต่างของตำแหน่งผู้จัดการแต่ละระดับกันครับ
- VP/SVP/EVP – Vice President (รองประธาน)
Vice President หรือ VP คือตำแหน่งระดับบริหารที่อยู่ถัดจาก C-Level โดยมักรับผิดชอบสายงานหรือฟังก์ชันเฉพาะด้าน Senior Vice President (SVP) เป็น VP ที่มีอาวุโสและขอบเขตความรับผิดชอบกว้างกว่า ส่วน Executive Vice President (EVP) อยู่ในระดับที่สูงที่สุดของกลุ่ม VP และมักมีอำนาจตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์ใกล้เคียงกับ C-Level ตำแหน่งเหล่านี้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารสูงสุดและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย
- Director / GM – ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป
Director หรือผู้อำนวยการรับผิดชอบการบริหารจัดการในระดับแผนกหรือฟังก์ชันเฉพาะทาง บุคคลในตำแหน่งนี้กำหนดนโยบายและกลยุทธ์ภายในขอบเขตของตน ดูแลการทำงานของหลายทีม และรายงานตรงต่อผู้บริหารระดับสูง General Manager (GM) มีความคล้ายคลึงกับ Director แต่มักมีอำนาจในการตัดสินใจที่กว้างขวางกว่า โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีหลายสาขาหรือหน่วยงาน GM จะดูแลการดำเนินงานโดยรวมของหน่วยธุรกิจหรือสาขานั้นๆ อย่างครบวงจร
- Manager / Asst. Manager – ผู้จัดการและผู้ช่วยผู้จัดการ
Manager หรือผู้จัดการทำหน้าที่บริหารทีมงานในระดับปฏิบัติการ รับผิดชอบการวางแผนงาน การมอบหมายงาน การติดตามผลการทำงาน และการพัฒนาสมาชิกในทีม ตำแหน่งนี้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้บริหารระดับสูงกับพนักงานทั่วไป Assistant Manager (ผู้ช่วยผู้จัดการ) ทำหน้าที่สนับสนุน Manager และพร้อมที่จะเข้ารับบทบาทของ Manager เมื่อจำเป็น ทั้งสองตำแหน่งนี้ต้องเข้าใจงานในระดับรายละเอียดและสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IV. ตัวย่อตำแหน่งตามสายงานยอดนิยม
แต่ละสายงานมีตัวย่อเฉพาะที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย การรู้จักตัวย่อภาษาอังกฤษเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจบทบาทของแต่ละคนในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น
1. สายงานการตลาดและการขาย
สายงานนี้รับผิดชอบการสร้างรายได้และการสื่อสารกับลูกค้า ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่
- CMO (Chief Marketing Officer – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด) ซึ่งกำหนดทิศทางการตลาดทั้งหมด
- Marketing Manager (ผู้จัดการฝ่ายการตลาด) ที่วางแผนและดำเนินแคมเปญ
- Content Manager (ผู้จัดการเนื้อหา) ดูแลการสร้างสรรค์คอนเทนต์
- Sales Manager (ผู้จัดการฝ่ายขาย) บริหารทีมขายและกำหนดเป้าหมาย
- Account Manager (ผู้จัดการบัญชี) ดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า
- BD Manager (Business Development Manager – ผู้จัดการพัฒนาธุรกิจ) ค้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและรายได้
2. สายงานเทคโนโลยีและไอที
สายงานเทคโนโลยีเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรยุคดิจิทัล ตำแหน่งสำคัญ ได้แก่
- CTO (Chief Technology Officer – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี) กำหนดกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี
- CIO (Chief Information Officer – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ) ดูแลระบบสารสนเทศทั้งหมด
- IT Manager (ผู้จัดการฝ่ายไอที) บริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี
- Dev Manager (Development Manager – ผู้จัดการฝ่ายพัฒนา) คุมทีมนักพัฒนาซอफต์แวร์
- QA Manager (Quality Assurance Manager – ผู้จัดการประกันคุณภาพ) ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ PM (Product Manager หรือ Project Manager) ซึ่งอาจหมายถึงผู้จัดการผลิตภัณฑ์หรือผู้จัดการโครงการ ขึ้นอยู่กับบริบทของบริษัท
3. สายงานการเงินและบัญชี
สายงานการเงินดูแลสุขภาพทางการเงินขององค์กร ตำแหน่งหลัก ได้แก่
- CFO (Chief Financial Officer – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน) บริหารการเงินระดับสูงสุด
- Finance Manager (ผู้จัดการฝ่ายการเงิน) วางแผนและควบคุมงบประมาณ
- Accounting Manager (ผู้จัดการฝ่ายบัญชี) ดูแลระบบบัญชีและรายงานทางการเงิน
- Controller (ผู้ควบคุมทางการเงิน) รับผิดชอบการควบคุมภายในและการปฏิบัติตามมาตรฐาน
- Treasurer (เหรัญญิก) จัดการเงินสดและการลงทุนขององค์กร ทุกตำแหน่งต้องทำงานอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรมีเสถียรภาพทางการเงิน
4. สายงานทรัพยากรบุคคล
สายงาน HR ดูแลคนซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร ตำแหน่งสำคัญ ได้แก่
- CHRO (Chief Human Resources Officer – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล) กำหนดกลยุทธ์ด้านบุคลากร
- HR Manager (ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล) ดูแลการบริหารคนทั้งหมด
- Recruitment Manager (ผู้จัดการฝ่ายสรรหา) รับผิดชอบการหาคนเก่งเข้าองค์กร
- Training Manager (ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรม) พัฒนาทักษะของพนักงาน
- Compensation & Benefits Manager (ผู้จัดการค่าตอบแทนและสวัสดิการ) ดูแลเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการให้เป็นธรรมและจูงใจ
5. สายงานปฏิบัติการและโลจิสติกส์
สายงานปฏิบัติการทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่
- COO (Chief Operating Officer – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ) ดูแลการดำเนินงานทั้งหมด
- Operations Manager (ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ) บริหารกระบวนการผลิตหรือบริการประจำวัน
- Supply Chain Manager (ผู้จัดการห่วงโซ่อุปทาน) จัดการการไหลของสินค้าและวัตถุดิบ
- Logistics Manager (ผู้จัดการฝ่ายโลจิสติกส์) ดูแลการขนส่งและการกระจายสินค้า
- Procurement Manager (ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ) รับผิดชอบการจัดหาสินค้าและบริการที่จำเป็นในราคาที่เหมาะสม
V. แนวทางการใช้ตัวย่อตำแหน่งอย่างมืออาชีพ
การใช้ตัวย่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะสร้างความประทับใจและแสดงถึงความเป็นมืออาชีพของคุณ ในการเขียนเอกสารทางการ เช่น เรซูเม่หรือจดหมายสมัครงาน ควรเขียนชื่อตำแหน่งเต็มในครั้งแรก จากนั้นจึงใส่ตัวย่อในวงเล็บ เช่น Project Manager (PM) เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจชัดเจน ส่วนในอีเมลหรือการสื่อสารภายในองค์กร หากแน่ใจว่าผู้รับเข้าใจตัวย่อแล้ว คุณสามารถใช้ตัวย่อได้เลยโดยไม่ต้องอธิบาย เพื่อความกระชับและรวดเร็ว เมื่อต้องสื่อสารกับบุคคลภายนอกหรือลูกค้า ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หากไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจหรือไม่ ให้ใช้ชื่อตำแหน่งเต็มแทนจะปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำคัญที่ควรทราบ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวย่อที่เป็นภาษาถิ่นหรือเฉพาะบริษัท เพราะคนนอกองค์กรอาจไม่เข้าใจ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทของคุณเรียกตำแหน่ง Customer Success Manager ว่า CSM แต่อุตสาหกรรมอื่นไม่คุ้นเคย คุณควรอธิบายให้ชัดเจนเสมอ นอกจากนี้ ตัวย่อบางตัวมีความหมายหลายอย่าง เช่น PM ที่อาจหมายถึง Project Manager หรือ Product Manager ในกรณีเช่นนี้ ให้ระบุให้ชัดเจนตามบริบท สุดท้าย การใช้ตัวย่อมากเกินไปในเอกสารเดียวอาจทำให้ผู้อ่านสับสน ดังนั้นจงใช้อย่างพอประมาณและเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น
เมื่อเราเข้าใจตัวย่อตำแหน่งต่างๆ และแนวทางการนำไปใช้อย่างถูกต้องแล้ว ต่อไปคือส่วนเสริมที่จะตอบคำถามที่หลายคนยังสงสัย เพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวมทั้งหมดและสามารถสื่อสารในโลกธุรกิจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
VI. ถาม-ตอบข้อสงสัยเพิ่มเติม
1. C-Suite หมายถึงอะไร และรวมถึงตำแหน่งใดบ้าง
C-Suite เป็นคำเรียกกลุ่มผู้บริหารสูงสุดในองค์กรที่ตำแหน่งขึ้นต้นด้วยคำว่า Chief ซึ่งแปลว่าหัวหน้าหรือผู้นำสูงสุด กลุ่มนี้รวมถึง CEO (Chief Executive Officer), CFO (Chief Financial Officer), COO (Chief Operating Officer), CTO (Chief Technology Officer), CMO (Chief Marketing Officer) และตำแหน่งอื่นๆ ที่ขึ้นต้นด้วย Chief บุคคลใน C-Suite มีอำนาจตัดสินใจในระดับกลยุทธ์และรับผิดชอบต่อความสำเร็จโดยรวมขององค์กร พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ วางแผนระยะยาว และขับเคลื่อนบริษัทไปสู่เป้าหมาย
2. Head of กับ Director ต่างกันอย่างไร
Head of และ Director เป็นตำแหน่งที่มักใช้แทนกันได้ในหลายองค์กร แต่โดยทั่วไปแล้ว Head of (หัวหน้า) มักหมายถึงผู้นำของแผนกหรือฟังก์ชันเฉพาะทางที่อาจมีขนาดเล็กกว่า เช่น Head of Design หรือ Head of Customer Support ตำแหน่งนี้อาจไม่ได้มีโครงสร้างทีมที่ซับซ้อนมากนัก ในขณะที่ Director (ผู้อำนวยการ) มักบ่งบอกถึงระดับที่เป็นทางการมากกว่าและมีขอบเขตความรับผิดชอบกว้างขวางกว่า Director มักมีทีม Manager หรือผู้ช่วยหลายคนอยู่ใต้บังคับบัญชาและรับผิดชอบการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในระดับที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมและโครงสร้างของแต่ละบริษัท
3. มีตำแหน่งพิเศษอะไรบ้างในวงการ Creative
วงการ Creative มีตัวย่อตำแหน่งภาษาอังกฤษเฉพาะทางที่น่าสนใจหลายตัว เช่น CD (Creative Director – ผู้อำนวยการสร้างสรรค์) ที่กำหนดทิศทางและคุณภาพของงานสร้างสรรค์ทั้งหมด, AD (Art Director – ผู้อำนวยการศิลป์) ดูแลด้านภาพและการออกแบบ, Copywriter (นักเขียนคำโฆษณา) สร้างเนื้อหาและข้อความที่น่าสนใจ, UX/UI Designer (นักออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้/ส่วนติดต่อผู้ใช้) ออกแบบให้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลใช้งานง่าย และ Producer (โปรดิวเซอร์) ควบคุมการผลิตโครงการสร้างสรรค์ให้เสร็จตามกำหนด ตำแหน่งเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ควรใส่ตัวย่อตำแหน่งในชื่ออีเมลหรือไม่
การใส่ตัวย่อตำแหน่งในชื่ออีเมลขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และนโยบายขององค์กร สำหรับอีเมลภายในบริษัท โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องใส่ตัวย่อตำแหน่ง เพราะคนในองค์กรสามารถตรวจสอบข้อมูลของคุณได้จากระบบภายใน อย่างไรก็ตาม สำหรับการสื่อสารภายนอก เช่น อีเมลไปหาลูกค้าหรือพันธมิตรธุรกิจ การระบุตำแหน่งในลายเซ็นอีเมล (Email Signature) จะช่วยให้ผู้รับเข้าใจบทบาทและอำนาจหน้าที่ของคุณได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างเช่น “สมชาย ใจดี | Marketing Manager | บริษัท ABC” จะดูเป็นมืออาชีพและช่วยสร้างความเชื่อมั่น แต่ในชื่อผู้ส่ง (Sender Name) ควรใช้เพียงชื่อจริงเพื่อความเป็นมิตรและการค้นหาที่ง่ายขึ้น
การทำความเข้าใจตัวย่อตำแหน่งภาษาอังกฤษคือการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับความก้าวหน้าในเส้นทางอาชีพของคุณ ตั้งแต่ตัวย่อพื้นฐานอย่าง CEO และ Manager ไปจนถึงตำแหน่งเฉพาะทางในแต่ละสายงาน ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างองค์กร สื่อสารได้ตรงจุด และสร้างความประทับใจในทุกการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าคุณจะกำลังเตรียมตัวสมัครงาน ร่วมประชุมกับทีมต่างชาติ หรือเขียนอีเมลธุรกิจ การใช้คำย่อภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและความพร้อมในการทำงานระดับสากล
จากบทความนี้ คุณได้เรียนรู้ตัวย่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษที่สำคัญกว่า 40 ตำแหน่ง เข้าใจความแตกต่างระหว่างระดับผู้บริหารแต่ละชั้น และรู้วิธีการใช้งานอย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ อย่าลืมว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งคุณฝึกฝนและนำความรู้เหล่านี้ไปใช้บ่อยเท่าไร คุณก็จะยิ่งมั่นใจและเป็นมืออาชีพมากขึ้นเท่านั้น เริ่มต้นวันนี้ด้วยการนำตัวย่อตำแหน่งที่คุณเพิ่งเรียนรู้ไปใช้ในการทำงานจริง และสังเกตความแตกต่างที่เกิดขึ้นในการสื่อสารของคุณ
