ลองนึกภาพว่าประโยคภาษาอังกฤษคือละครเวทีหนึ่งเรื่อง กริยาหลักคือนักแสดงนำที่ทุกคนจับตามอง แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังความสมบูรณ์ของประโยคนั้น มักมี “นักแสดงสมทบ” ตัวสำคัญที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ นั่นก็คือ Auxiliary Verb หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “กริยาช่วย” บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกริยาช่วยอย่างครบถ้วน ตั้งแต่นิยามพื้นฐาน หน้าที่การใช้งาน ประเภทที่ต้องรู้ ไปจนถึงข้อผิดพลาดที่มักพบบ่อยและวิธีแก้ไข เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์ เราจะเริ่มจากพื้นฐานแล้วค่อยๆ เจาะลึกไปสู่ระดับสูงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
I. นิยาม Auxiliary Verb
กริยาช่วย หรือ auxiliary verb คือ คำกริยาที่เข้ามาช่วยเหลือกริยาหลัก (Main Verb) เพื่อสร้างโครงสร้างทางไวยากรณ์ให้สมบูรณ์ขึ้น โดยตัวกริยาช่วยเองไม่ได้มีความหมายเต็มรูปแบบเหมือนกริยาทั่วไป แต่ทำหน้าที่เสริมความหมายหรือเปลี่ยนรูปแบบของประโยคแทน หากขาดกริยาช่วยไป ประโยคบางรูปแบบจะไม่สามารถสื่อความหมายได้ชัดเจนหรือถูกต้องตามหน้าที่ทางไวยากรณ์
เปรียบเทียบให้เห็นภาพ
มาดูความแตกต่างระหว่างกริยาช่วยกับกริยาแท้กันชัดๆ ในประโยค “She is reading a book” คำว่า is ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยที่คอยช่วย reading (เธอกำลังอ่านหนังสือ) แต่ในประโยค “She is a doctor” คำว่า is กลับเป็นกริยาหลักที่มีความหมายว่า “เป็น” (เธอเป็นหแพทย์) ความแตกต่างนี้แสดงให้เห็นว่ากริยาช่วยไม่ได้แปลความหมายในตัวเอง แต่เข้ามาเสริมโครงสร้างให้ประโยคสมบูรณ์
II. หน้าที่หลักของกริยาช่วย
กริยาช่วยมีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ โดยมีหน้าที่หลักที่ควรเข้าใจดังนี้
1. ช่วยสร้าง Tenses (กาล)
กริยาช่วยเข้ามาช่วยสร้างรูปประโยคแสดงเวลาที่ซับซ้อน โดยเฉพาะรูปต่อเนื่อง (Continuous Tense) และรูปสมบูรณ์ (Perfect Tense) เช่น They are playing football ในที่นี้ are ช่วยสร้าง Present Continuous (พวกเขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่) หรือ She has finished her homework ที่ has ช่วยสร้าง Present Perfect (เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว) โดยปราศจากกริยาช่วยเหล่านี้ เราจะไม่สามารถแสดงความหมายของเวลาได้ครบถ้วน
2. ช่วยสร้างประโยคปฏิเสธ
เมื่อต้องการปฏิเสธหรือบอกว่า “ไม่” เราต้องใช้กริยาช่วยคู่กับ not เสมอ เช่น He does not like pizza (เขาไม่ชอบพิซซ่า) หรือ They will not come tomorrow (พวกเขาจะไม่มาพรุ่งนี้) หากไม่มีกริยาช่วย เราจะไม่สามารถสร้างประโยคปฏิเสธที่ถูกต้องได้
3. ช่วยสร้างประโยคคำถาม
ในการตั้งคำถาม เราจำเป็นต้องนำกริยาช่วยมาไว้หน้าประธานของประโยค เช่น Will you come to the party? (คุณจะมางานเลี้ยงไหม) หรือ Are they ready? (พวกเขาพร้อมแล้วหรือยัง) การย้ายตำแหน่งกริยาช่วยนี้เป็นกฎสำคัญในการสร้างคำถาม
4. ช่วยสร้าง Passive Voice (รูปถูกกระทำ)
กริยาช่วยเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างประโยครูปถูกกระทำ โดยใช้คู่กับกริยาช่อง 3 (V.3) เช่น The cake was eaten by John (เค้กถูกจอห์นกินไปแล้ว) หรือ The letter has been sent (จดหมายถูกส่งไปแล้ว) โครงสร้างนี้ช่วยเปลี่ยนจุดสนใจของประโยคจากผู้กระทำมาที่สิ่งที่ถูกกระทำ
บทความแนะนำอ่านต่อ:
- ไขความลับ Passive Voice Present Simple แบบมืออาชีพ
- Passive Voice Present Perfect: เรียนรู้ใน 5 นาที
- Passive Voice Past Simple: โครงสร้าง วิธีใช้ และแบบฝึกหัด
- สรุป Passive Voice Present Continuous ครบ A-Z
5. (หน้าที่พิเศษ) ช่วยเน้นย้ำ
นอกจากหน้าที่หลักแล้ว กริยาช่วย do ยังมีหน้าที่พิเศษในการเน้นย้ำความหมายให้แข็งแกร่งขึ้น เช่น I do love this song! (ฉันรักเพลงนี้จริงๆ เลยนะ) หรือ She did finish the project (เธอทำโปรเจกต์เสร็จจริงๆ) การใช้ do, does, did ในรูปแบบนี้ช่วยแสดงความมั่นใจหรือการยืนยันที่ชัดเจน
III. ประเภทของ Auxiliary Verbs
กริยาช่วยในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ที่มีลักษณะและการใช้งานแตกต่างกัน
1. กลุ่มที่ 1: Primary Auxiliaries (be, do, have)
กลุ่มนี้เป็นกริยาช่วยพื้นฐานที่มีความพิเศษตรงที่สามารถทำหน้าที่ได้ทั้ง “กริยาช่วย” และ “กริยาหลัก” ในประโยคต่างๆ ซึ่งการเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้คุณใช้งานได้ถูกต้องแม่นยำ
เจาะลึก be, do, have
ตารางเปรียบเทียบการใช้งาน be (am, is, are, was, were, been, being)
| บทบาท | การใช้งาน | ตัวอย่างประโยค |
| เป็นกริยาช่วย | ช่วยสร้าง Continuous Tense หรือ Passive Voice | She is studying now (เธอกำลังเรียนอยู่)
The book was written by him (หนังสือถูกเขียนโดยเขา) |
| เป็นกริยาหลัก | แสดงความหมาย “เป็น” หรือ “อยู่” | He is a teacher (เขาเป็นครู)
They are at home (พวกเขาอยู่ที่บ้าน) |
ตารางเปรียบเทียบการใช้งาน do (do, does, did)
| บทบาท | การใช้งาน | ตัวอย่างประโยค |
| เป็นกริยาช่วย | ช่วยสร้างประโยคปฏิเสธ คำถาม หรือเน้นย้ำ | I don’t understand (ฉันไม่เข้าใจ)
Do you agree? (คุณเห็นด้วยไหม) I do care! (ฉันใส่ใจจริงๆ นะ) |
| เป็นกริยาหลัก | แสดงความหมาย “ทำ” | She does her homework (เธอทำการบ้าน)
What did you do? (คุณทำอะไร) |
ตารางเปรียบเทียบการใช้งาน have (have, has, had)
| บทบาท | การใช้งาน | ตัวอย่างประโยค |
| เป็นกริยาช่วย | ช่วยสร้าง Perfect Tense | I have finished (ฉันทำเสร็จแล้ว)
She has gone home (เธอกลับบ้านไปแล้ว) |
| เป็นกริยาหลัก | แสดงความหมาย “มี” หรือ “ได้รับ” | He has a car (เขามีรถ)
We had dinner together (เราทานอาหารเย็นด้วยกัน) |
2. กลุ่มที่ 2: Modal Auxiliaries (can, will, must, etc.)
กลุ่มนี้เป็นกริยาช่วยที่ใช้เสริมความหมายพิเศษให้กับกริยาหลัก เช่น ความสามารถ ความเป็นไปได้ ความจำเป็น หรือการอนุญาต โดย Modal Verbs มีกฎเหล็กที่ต้องจำคือ Modal Verb ตามด้วย V.1 เสมอ ไม่มีการผันรูป ไม่ว่าประธานจะเป็นใครก็ตาม

ตารางสรุป Modal Verbs ที่ควรรู้
| Modal Verb | ความหมาย/การใช้งาน | ตัวอย่างประโยค |
| can | ความสามารถ, การอนุญาต | I can swim (ฉันว่ายน้ำเป็น)
You can go now (คุณไปได้แล้ว) |
| could | ความสามารถในอดีต, ความเป็นไปได้ | She could dance when she was young (เธอเต้นได้ตอนเด็กๆ)
It could rain today (วันนี้อาจจะฝนตก) |
| will | อนาคต, ความตั้งใจ | I will call you (ฉันจะโทรหาคุณ)
He will be here soon (เขาจะมาถึงเร็วๆ นี้) |
| would | อนาคตในอดีต, ความสุภาพ | He said he would come (เขาบอกว่าเขาจะมา)
Would you like some tea? (คุณอยากได้ชาไหมครับ) |
| shall | คำถามเสนอแนะ, คำมั่น | Shall we go? (เราไปกันไหม)
I shall return (ฉันจะกลับมา) |
| should | คำแนะนำ, ความควร | You should study harder (คุณควรขยันมากกว่านี้)
We should leave now (เราควรออกเดินทางแล้ว) |
| may | ความเป็นไปได้, การขออนุญาต | It may be true (มันอาจจะจริง)
May I help you? (ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ) |
| might | ความเป็นไปได้ต่ำ | She might be late (เธออาจจะมาสาย) |
| must | ความจำเป็น, ข้อบังคับ | You must wear a helmet (คุณต้องสวมหมวกกันน็อค)
He must be tired (เขาต้องเหนื่อยแน่ๆ) |
| ought to | ความควร (ใกล้เคียง should) | You ought to apologize (คุณควรขอโทษ) |
IV. 3 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
มาดูข้อผิดพลาดยอดฮิตที่ผู้เรียนมักทำกันบ่อยๆ และวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง
1. เติม ‘s’ หรือ ‘to’ หลัง Modals
หลายคนมักเผลอเติม to หรือ s หลัง Modal Verbs แต่จำไว้ว่า Modals ต้องตามด้วย V.1 โดยตรงเสมอ เช่น ผิด: She can to swim หรือ He cans swim → ถูก: She can swim (เธอว่ายน้ำเป็น) ไม่มีการเติมอะไรเพิ่มเติมเลย
2. ใช้ V. to do ซ้ำซ้อน
เมื่อใช้ does หรือ did แล้ว กริยาหลักต้องเป็น V.1 เสมอ ไม่ต้องเติม s หรือ ed เพิ่ม เช่น ผิด: He doesn’t likes pizza หรือ She didn’t went home → ถูก: He doesn’t like pizza (เขาไม่ชอบพิซซ่า), She didn’t go home (เธอไม่ได้กลับบ้าน) เพราะกริยาช่วยรับภาระการผันรูปไปแล้ว
3. สับสนการใช้ have
ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เราใช้ do กับ have เมื่อแสดงความหมาย “มี” เช่น ผิด: I haven’t a car (แบบอังกฤษโบราณ) → ถูก: I don’t have a car (ฉันไม่มีรถ) แต่ถ้า have เป็นกริยาช่วยสร้าง Perfect Tense ก็ใช้ not ตามหลังได้เลย เช่น I haven’t finished yet (ฉันยังทำไม่เสร็จ)
V. คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
1. “Auxiliary” vs. “Helping” Verb ต่างกันหรือไม่?
ไม่ต่างกัน ทั้งสองคำหมายถึงสิ่งเดียวกันคือ “กริยาช่วย” โดย Helping Verb เป็นชื่อเรียกแบบง่ายๆ ที่เข้าใจได้ทันที ส่วน Auxiliary Verb เป็นชื่อทางการที่ใช้ในตำราหรือบริบททางวิชาการ ดังนั้นไม่ว่าจะเจอคำไหนก็หมายถึง helping verb มี อะไร บ้าง หรือ กริยา ช่วย มี อะไร บ้าง ที่เราพูดถึงนั่นเอง
2. “to” เป็นกริยาช่วยหรือไม่?
ไม่ใช่ คำว่า to ไม่ใช่กริยาช่วย แต่เป็นส่วนหนึ่งของรูป Infinitive (to + V.1) เช่น to go, to eat, to study ซึ่งเป็นรูปพื้นฐานของกริยาที่ยังไม่ได้ผัน อย่าสับสนกับ ought to หรือ have to ที่ to เป็นส่วนประกอบของ Semi-Modal เหล่านั้น
3. กริยาช่วยตัวไหนใช้ในรูปอดีต?
คำ กริยา ช่วย หรือ verb ช่วย มี อะไร บ้าง ที่ใช้แสดงอดีตมีหลายตัว ได้แก่ did (อดีตของ do), was/were (อดีตของ be), had (อดีตของ have) และ Modal Verbs รูปอดีต เช่น could (อดีตของ can), would (อดีตของ will), might (อดีตของ may) รวมถึง should และ must ที่ใช้ได้ทั้งปัจจุบันและอดีต โดยดูจากบริบทของประโยค
4. “should” vs. “must” ต่างกันอย่างไร?
Should แสดงถึง “คำแนะนำ” หรือ “ความควร” ที่ฟังหรือไม่ฟังก็ได้ เช่น You should exercise (คุณควรออกกำลังกาย) แต่ Must แสดงถึง “ข้อบังคับ” หรือ “ความจำเป็นแน่นอน” ที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น You must stop at the red light (คุณต้องหยุดตรงไฟแดง) ความแตกต่างนี้สำคัญมากในการสื่อสารเพื่อให้ความหมายตรงตามที่ต้องการ
Auxiliary Verb หรือกริยาช่วยคือกระดูกสันหลังของโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกาล การตั้งคำถาม การปฏิเสธ หรือการแสดงความหมายพิเศษต่างๆ การเข้าใจกริยาช่วยทั้ง 2 กลุ่มคือ Primary Auxiliaries (be, do, have) และ Modal Auxiliaries (can, will, must, etc.) พร้อมทั้งรู้จักข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง จะช่วยให้คุณสร้างประโยคได้ถูกต้องและสื่อสารได้แม่นยำขึ้นอย่างมาก
วิธีที่ดีที่สุดในการเชี่ยวชาญกริยาช่วยคือการฝึกสังเกตและนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน ลองอ่านบทความภาษาอังกฤษแล้วสังเกตว่ากริยาช่วยถูกใช้อย่างไร หรือลองเขียนประโยคง่ายๆ ในรูปแบบต่างๆ เช่น เปลี่ยนจากบอกเล่าเป็นคำถาม จากปฏิเสธเป็นเชิงบวก เพื่อสร้างความคุ้นเคยและความมั่นใจในการใช้งาน เมื่อคุณฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ กริยาช่วยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทักษะภาษาที่ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
