หลายคนเคยสงสัยว่าเมื่อไหร่ควรใช้กริยาโดยไม่ใส่ “to” นำหน้า บทความนี้ TOEIC Mentor จะตอบทุกคำถามเกี่ยวกับ infinitive without to คือ อะไร ตั้งแต่คำนิยามพื้นฐาน กฎการใช้ที่สำคัญ ไปจนถึงแบบทดสอบความเข้าใจ เพื่อให้คุณเข้าใจและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องในทุกสถานการณ์
I. Infinitive without to คืออะไร?
คำจำกัดความที่ง่ายที่สุด: กริยา V.1 แบบไม่ใส่ ‘to’
Infinitive without to หรือที่เรียกว่า Bare Infinitive คือ กริยาช่องที่ 1 (V.1) รูปดั้งเดิมที่ไม่มีคำว่า ‘to’ นำหน้า เป็นรูปแบบพิเศษที่ใช้ในสถานการณ์เฉพาะตามกฎไวยากรณ์ที่แน่นอน การเข้าใจ without to infinitive จะช่วยให้คุณพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด: with ‘to’ vs. without ‘to’
เพื่อให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ลองดูตัวอย่างเปรียบเทียบนี้:
- ❌ ผิด: I must to go now. (ใส่ to หลัง must)
- ✅ ถูก: I must go now. (ไม่ใส่ to หลัง must) – แปลว่า “ฉันต้องไปแล้ว”
II. 4 สถานการณ์หลักที่ต้องใช้ Bare Infinitive เสมอ
1. กฎข้อที่ 1: ใช้ตามหลังกริยาช่วย (Modal Verbs)
กริยาช่วยหรือ Modal Verbs ได้แก่ can, could, will, would, shall, should, may, might, must, ought to เมื่อใช้กริยาช่วยเหล่านี้ เราต้องตามด้วย infinitive without to เสมอ โครงสร้างคือ Modal Verb + Bare Infinitive
ตัวอย่างประโยคที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน:
- She can speak Thai fluently. (เธอพูดภาษาไทยได้คล่อง)
- We should leave early tomorrow. (เราควรออกเดินทางเช้าๆ พรุ่งนี้)
- You must finish your homework tonight. (คุณต้องทำการบ้านให้เสร็จคืนนี้)
2. กฎข้อที่ 2: ใช้ตามหลังกริยาที่ให้ผู้อื่นทำ (Causative Verbs)
กริยากลุ่มนี้มี 3 ตัวหลักที่คุณต้องจำ ได้แก่ let (อนุญาต), make (บังคับ), และ have (มอบหมาย) โครงสร้างจะเป็น Causative Verb + Object + Bare Infinitive
กริยา let ใช้เมื่อต้องการอนุญาตให้ใครทำอะไร เช่น “Let me help you with that.” (ให้ฉันช่วยคุณเรื่องนั้นนะ) กริยา make ใช้เมื่อบังคับหรือทำให้ใครต้องทำอะไร เช่น “The teacher made us stay after class.” (ครูสั่งให้เราอยู่หลังเลิกเรียน) ส่วนกริยา have ใช้เมื่อมอบหมายงานให้ใครทำ เช่น “I’ll have someone fix the computer.” (ฉันจะให้คนไปซ่อมคอมพิวเตอร์)
🌟 กริยาพิเศษ ‘help’: ความยืดหยุ่นที่คุณต้องรู้
กริยา help เป็นกรณียกเว้นพิเศษที่สามารถใช้ได้ทั้งแบบมี ‘to’ และไม่มี ‘to’ โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งสองรูปแบบถือว่าถูกต้องเท่าเทียมกัน
เปรียบเทียบการใช้งาน: “He helped me carry the box.” และ “He helped me to carry the box.” ทั้งสองประโยคแปลว่า “เขาช่วยฉันยกกล่อง” และมีความหมายเหมือนกันทุกประการ
2. กฎข้อที่ 3: ใช้ตามหลังกริยารับรู้ (Verbs of Perception)
กริยารับรู้ ได้แก่ see (เห็น), watch (ดู), hear (ได้ยิน), feel (รู้สึก) เมื่อใช้กริยาเหล่านี้ในโครงสร้าง Verb + Object + Bare Infinitive จะหมายถึงการรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ
ตัวอย่างการใช้งานในชีวิตจริง:
- I saw him leave the building. (ฉันเห็นเขาออกจากตึก – เห็นการกระทำทั้งหมด)
- We heard her sing beautifully. (เราได้ยินเธอร้องเพลงเพราะๆ)
- Did you feel the earth shake? (คุณรู้สึกถึงแผ่นดินไหวไหม)
4. กฎข้อที่ 4: ใช้ตามหลังสำนวนเฉพาะ (Specific Expressions)
มีสำนวนพิเศษ 2 แบบที่ต้องใช้ infinitive without to เสมอ คือ had better (ควรจะ) และ would rather (อยากจะ/ชอบมากกว่า)
สำนวน had better ใช้เมื่อต้องการแนะนำหรือเตือนอย่างเป็นมิตร เช่น “You had better take an umbrella today.” (คุณควรเอาร่มไปด้วยวันนี้) ส่วนสำนวน would rather ใช้แสดงความชอบหรือการเลือก เช่น “I would rather stay home tonight.” (ฉันอยากอยู่บ้านคืนนี้มากกว่า)
III. ตารางเปรียบเทียบและข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
1. ตารางสรุป: เทียบชัดๆ ระหว่าง Infinitive with to vs. without to
ใช้ to-infinitive | ใช้ bare infinitive |
แสดงวัตถุประสงค์: “I came to see you” | หลัง Modal Verbs: “I can go“ |
หลัง adjective: “It’s easy to learn“ | หลัง Causative Verbs: “Let me help“ |
หลังกริยาบางตัว: “I want to eat“ | หลัง Perception Verbs: “I saw him run“ |
เป็น subject: “To study is important” | หลังสำนวนพิเศษ: “I’d rather walk“ |
2. เช็คความเข้าใจ: 3 ข้อผิดพลาดที่คนไทยมักทำกับ Bare Infinitive
ข้อผิดพลาดเหล่านี้พบบ่อยมากในผู้เรียนชาวไทย การรู้และหลีกเลี่ยงจะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้แม่นยำขึ้น
- เผลอเติม ‘to’ หลัง Modal Verbs: ❌ “I must to go” → ✅ “I must go” (ต้องจำว่าหลัง modal ไม่เติม to)
- สับสนระหว่าง make กับ get: ❌ “I made him to clean” → ✅ “I made him clean” (make ใช้ bare infinitive แต่ get ใช้ to-infinitive: “I got him to clean“)
- ลืมเปลี่ยนรูปใน Passive Voice: ❌ “He was seen leave” → ✅ “He was seen to leave” (เมื่อเป็น passive voice กริยารับรู้ต้องกลับไปใช้ to-infinitive)
บทความแนะนำอ่านต่อ:
IV. ทดสอบความรู้ของคุณ (Interactive Self-Assessment)
แบบทดสอบ 5 ข้อ: คุณเข้าใจ Bare Infinitive ดีแค่ไหน?
ลองทำแบบทดสอบเพื่อเช็คความเข้าใจของคุณ เลือกคำตอบที่ถูกต้องในแต่ละข้อ:
1. She can _____ English very well.
A. to speak
B. speak
2. I saw him _____ the bus this morning.
A. catch
B. to catch
3. You had better _____ your medicine.
A. take
B. to take
4. The teacher made us _____ the homework again.
A. do
B. to do
5. Would you rather _____ pizza or noodles?
A. eat
B. to eat
เฉลย:
1. B
2. A
3. A
4. A
5. A
V. คำถามที่พบบ่อยและข้อสงสัยเชิงลึก (Supplemental FAQs)
1. เราสามารถใช้ Bare Infinitive สองตัวติดกันได้หรือไม่?
ได้แน่นอน เมื่ออยู่ในโครงสร้างที่ถูกต้อง เช่น “I can help prepare dinner.” (ฉันช่วยเตรียมอาหารเย็นได้) หรือ “You should come see our new house.” (คุณควรมาดูบ้านใหม่ของเรา) ในกรณีนี้ทั้งสองกริยาจะอยู่ในรูป bare infinitive
2. นอกจาก Bare Infinitive แล้ว มี ‘Infinitive’ ประเภทอื่นที่ควรรู้อีกไหม?
มี ได้แก่ Perfect Infinitive (to have + V.3) เช่น “He seems to have finished his work.” และ Progressive Infinitive (to be + V.ing) เช่น “She appears to be working late.” แต่ทั้งสองประเภทนี้ใช้ในระดับสูงและไม่บ่อยเท่า bare infinitive
3. มีกริยาตัวไหนอีกบ้างที่มักจะสับสน?
กริยา dare และ need มักสร้างความสับสน เพราะสามารถใช้ได้ทั้งแบบ modal (+ bare infinitive) และแบบ ordinary verb (+ to-infinitive) เช่น “How dare you say that!” (modal) และ “Do you dare to jump?” (ordinary verb)
4. ความหมายต่างกันไหมระหว่าง ‘I saw him fall’ กับ ‘I saw him falling’?
ต่างกันอย่างชัดเจน “I saw him fall” (bare infinitive) หมายถึงเห็นการกระทำทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วน “I saw him falling” (present participle) หมายถึงเห็นแค่บางส่วนของการกระทำ หรือการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่
การเรียนรู้ infinitive without to ไม่ได้หยุดแค่การจำกฎเท่านั้น แต่ต้องฝึกนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน เริ่มต้นด้วยการสังเกตประโยคที่คุณพบเจอทุกวัน เช่น “I can help you” หรือ “You should go” จากนั้นลองสร้างประโยคใหม่ๆ ด้วยตัวเอง สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นการเดินทางที่ยาวนาน Infinitive without to เป็นเพียงก้าวหนึ่งในเส้นทางสู่ความเชี่ยวชาญ ขอให้คุณมีความอดทน มุ่งมั่น และเพลิดเพลินไปกับทุกขั้นตอนของการเรียนรู้