คุณเคยสับสนกับประโยคอย่าง “The meeting will be postponed” หรือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้ passive voice future simple แทน active voice? บทความนี้จะพาคุณไขความลับของโครงสร้าง “will be + V.3” อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่สูตรพื้นฐาน เทคนิคการแปลที่เป็นธรรมชาติสำหรับคนไทย ไปจนถึงการใช้งานขั้นสูงที่จะทำให้ภาษาอังกฤษของคุณดูเป็นมืออาชีพ พร้อมตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันและการทำงาน
I. Passive Voice Future Simple คืออะไร?
เคยสงสัยไหมว่าประโยคอย่าง “การบ้านจะถูกส่งพรุ่งนี้” ในภาษาอังกฤษพูดว่าอย่างไร? หรือเวลาเห็นข่าวที่เขียนว่า “The new bridge will be opened next year” แล้วสับสนว่าทำไมถึงใช้โครงสร้างแบบนี้
Passive voice future simple เป็นโครงสร้างประโยคที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต โดยเน้นที่ “สิ่งที่ถูกกระทำ” มากกว่า “คนที่ทำ” ซึ่งจะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างเป็นทางการและเหมาะสมในหลายสถานการณ์
สูตรหลัก: Subject + will be + V.3
II. เปรียบเทียบ Active Voice vs. Passive Voice ในอนาคต
1. กลไกการเปลี่ยนประโยค
การเปลี่ยนจาก active voice เป็น future passive เหมือนการ “สลับตำแหน่ง” ของประธานกับกรรม ทำให้สิ่งที่เคยเป็นกรรมกลายมาเป็นจุดสำคัญของประโยค
ขั้นตอนการเปลี่ยนมี 3 ขั้นตอนหลัก: ก่อนอื่นนำกรรมจากประโยคเดิมมาเป็นประธานใหม่ จากนั้นเปลี่ยนรูปกริยาจาก “will + V.1” เป็น “will be + V.3” และสุดท้ายย้ายประธานเดิมไปไว้ท้ายประโยคหลังคำว่า “by” (หรือตัดทิ้งเลยก็ได้)
2. ตัวอย่างเปรียบเทียบ
Active Voice | Passive Voice | คำแปลและข้อสังเกต |
They will send the email tomorrow. | The email will be sent tomorrow. | อีเมลจะถูกส่งพรุ่งนี้ (เน้นที่อีเมล ไม่ใช่คนส่ง) |
The company will launch the product. | The product will be launched. | สินค้าจะถูกเปิดตัว (เน้นการเปิดตัวสินค้า) |
Workers will build the new mall. | The new mall will be built. | ห้างใหม่จะถูกสร้างขึ้น (เน้นที่ห้าง ไม่สำคัญว่าใครสร้าง) |
The team will complete the report. | The report will be completed. | รายงานจะถูกทำเสร็จ (เน้นที่ความสำเร็จของรายงาน) |
III. ใช้เมื่อไหร่ถึงจะถูก? เหตุผลและสถานการณ์ที่ควรเลือกใช้ Future Passive
- เมื่อผู้กระทำไม่สำคัญหรือไม่ทราบตัวตน เช่น “The website will be updated soon” (เว็บไซต์จะถูกอัปเดตเร็วๆ นี้) ใช้ในกรณีที่เราสนใจผลลัพธ์มากกว่าคนที่ทำ
- เมื่อต้องการสร้างความเป็นทางการ โดยเฉพาะในการประกาศ ข่าวสาร หรือเอกสารราชการ เช่น “New policies will be implemented next month” (นโยบายใหม่จะถูกนำมาใช้เดือนหน้า) เพื่อให้ฟังดูเป็นทางการและน่าเชื่อถือ
- เมื่อต้องการหลีกเลี่ยงการระบุความรับผิดชอบ เช่น “Your application will be reviewed within 7 days” (ใบสมัครของคุณจะถูกพิจารณาภายใน 7 วัน) แทนที่จะบอกว่า “We will review your application” ซึ่งจะทำให้เจาะจงผู้รับผิดชอบมากเกินไป
- เมื่อกรรมเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าผู้กระทำ เช่น “The championship will be held in Bangkok” (การแข่งขันชิงแชมป์จะจัดที่กรุงเทพ) เพราะสถานที่จัดงานสำคัญกว่าคนที่จัด
IV. แต่งประโยคให้ครบทุกรูปแบบ: ปฏิเสธและคำถาม
1. การสร้างประโยคปฏิเสธ
โครงสร้างปฏิเสธใช้ won’t be + V.3 เพื่อบอกว่าเหตุการณ์นั้นจะไม่เกิดขึ้น เช่น “The meeting won’t be cancelled” (การประชุมจะไม่ถูกยกเลิก) หรือ “Your personal information won’t be shared with third parties” (ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะไม่ถูกแชร์ให้บุคคลที่สาม)
2. การสร้างประโยคคำถาม
รูปแบบคำถามใช้ Will + subject + be + V.3? เพื่อถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต เช่น “Will the exam be postponed?” (การสอบจะถูกเลื่อนไหม?) หรือ “Will the results be announced today?” (ผลจะถูกประกาศวันนี้ไหม?)
3. การใช้ในประโยคคำถาม Wh-questions
สำหรับคำถามที่ต้องการข้อมูลเฉพาะ เราใช้ Wh-word + will + subject + be + V.3? เช่น “When will the new system be installed?” (ระบบใหม่จะถูกติดตั้งเมื่อไหร?) หรือ “Where will the conference be held?” (การประชุมจะจัดที่ไหน?) โครงสร้างนี้ช่วยให้เราสอบถามรายละเอียดเฉพาะเจาะจงได้อย่างชัดเจน
V. ยกระดับความเข้าใจสำหรับมือโปร: โครงสร้าง Passive ในอนาคตรูปแบบอื่น
1. Be going to be + V.3
โครงสร้าง future passive ด้วย “be going to” เน้นแผนที่ชัดเจนหรือหลักฐานที่มองเห็นได้ เปรียบเทียบ “The building will be demolished” (อาคารจะถูกรื้อ – เป็นแผนทั่วไป) กับ “The building is going to be demolished” (อาคารกำลังจะถูกรื้อ – มีสัญญาณชัดเจนแล้ว)
2. Modal Verbs อื่นๆ
โครงสร้าง Modal + be + V.3 ช่วยเพิ่มความหมายพิเศษ เช่น “The task should be finished by noon” (งานควรจะเสร็จภายในเที่ยง) หรือ “The document must be signed today” (เอกสารต้องถูกเซ็นวันนี้) ซึ่งแสดงระดับความจำเป็นที่แตกต่างกัน
3. Future Perfect Passive
Future perfect passive แสดงถึงเหตุการณ์ที่จะเสร็จสิ้นแล้วในจุดหนึ่งของอนาคต เช่น “By 2025, this bridge will have been built” (พอถึงปี 2025 สะพานนี้จะถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว) โครงสร้างนี้เหมาะสำหรับการพูดถึงโปรเจกต์ระยะยาวหรือเป้าหมายที่มีกำหนดเวลาชัดเจน
ความเข้าใจในโครงสร้างขั้นสูงเหล่านี้จะช่วยให้การใช้ passive voice future tense ของคุณแม่นยำและหลากหลายมากขึ้น ต่อไปเรามาดูคำถามที่พบบ่อยกัน
VI. ถาม-ตอบข้อสงสัยที่พบบ่อย (Frequently Asked Questions)
- ต้องมี ‘by’ ไหม?
ไม่จำเป็น ส่วนใหญ่เราไม่ใช้ “by + ผู้กระทำ” ใน simple future tense passive voice เพราะจุดประสงค์หลักคือการไม่เน้นผู้กระทำ ใช้เฉพาะเมื่อผู้กระทำสำคัญจริงๆ
- เทียบ Future Simple กับ Future Continuous Passive
“The car will be repaired” (รถจะถูกซ่อม – งานซ่อมทั้งหมด) ต่างจาก “At 5 PM, the car will be being repaired” (ตอน 5 โมงเย็น รถจะกำลังถูกซ่อมอยู่ – เน้นช่วงเวลาที่กำลังดำเนินการ) Future Continuous Passive ใช้น้อยมากในการสนทนาจริง
การเรียนรู้ passive voice future simple ไม่ใช่แค่การจำสูตรไวยากรณ์ แต่เป็นการเปิดประตูสู่การสื่อสารภาษาอังกฤษที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากขึ้น เมื่อคุณเข้าใจลึกถึงการใช้โครงสร้าง “will be + V.3” พร้อมทั้งสามารถแปลและประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุณจะพบว่าภาษาอังกฤษของคุณดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมลธุรกิจ การนำเสนองาน หรือการสนทนาในชีวิตประจำวัน ความมั่นใจในการใช้โครงสร้างนี้จะช่วยยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณไปอีกขั้น และเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง