“เอกสารนี้ต้องส่งก่อนเที่ยง” ควรใช้ “The document must send” หรือ “The document must be sent”? ถ้าคุณยังตอบไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนเดียว คนไทยส่วนใหญ่มักสับสนกับการใช้ passive voice modal verbs เพราะในภาษาไทย เราใช้คำว่า “ถูก” หรือ “โดน” ซึ่งมักให้ความรู้สึกเชิงลบ แต่ในภาษาอังกฤษ Passive Voice ใช้ในบริบททั่วไปและเป็นทางการมากกว่า ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้โครงสร้างพื้นฐานของ passive voice with modal verbs การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน รูปแบบขั้นสูงที่ใช้กับอดีต และเทคนิคการเลือกใช้ Active หรือ Passive Voice อย่างเหมาะสม พร้อมแบบฝึกหัดที่จะทำให้คุณมั่นใจในการใช้ไวยากรณ์นี้อย่างแท้จริง
I. Passive Voice ที่มี Modal Verbs คืออะไร?
Passive voice modal verbs คือการรวมกันระหว่าง Modal Verbs (can, could, will, would, should, must, may, might) กับโครงสร้าง Passive Voice เพื่อแสดงความเป็นไปได้ ความจำเป็น หรือการอนุญาตของการกระทำที่มีผู้ถูกกระทำเป็นประธาน แทนที่จะเน้นที่ผู้กระทำ
ในภาษาไทย เรามักใช้คำว่า “สามารถถูก” “ควรถูก” “ต้องถูก” แต่ในภาษาอังกฤษ modal verb in passive voice มีโครงสร้างที่เฉพาะเจาะจง ตัวอย่างเช่น “This problem can be solved” (ปัญหานี้สามารถแก้ได้) แทนที่จะพูดว่า “Someone can solve this problem” เพื่อเน้นที่ปัญหามากกว่าคนที่แก้
ความแตกต่างสำคัญระหว่าง passive modals กับ Passive Voice ธรรมดาคือ Modal Verbs เพิ่มความหมายพิเศษเข้าไป เช่น ความเป็นไปได้ (can be done), ความจำเป็น (must be done), หรือคำแนะนำ (should be done) ทำให้การสื่อสารมีความหมายที่ลึกซึ้งและแม่นยำมากขึ้น การเข้าใจแนวคิดนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการใช้ passive voice with modals อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ
II. โครงสร้างหลักของ Passive Voice with Modals
สูตรหลักของ modal verb in passive voice คือ: Subject + Modal Verb + be + Verb 3 โดยแต่ละส่วนมีหน้าที่ชัดเจน Modal Verb แสดงความเป็นไปได้หรือความจำเป็น “be” ทำหน้าที่เชื่อมโยง และ Verb 3 แสดงการกระทำที่ถูกกระทำ
การเปรียบเทียบระหว่าง Active และ passive modal verbs จะช่วยให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ชัดเจน:
Active Voice | Passive Voice |
Someone should clean this room. | This room should be cleaned. |
They must submit the report. | The report must be submitted. |
We can solve this problem. | This problem can be solved. |
You may use this equipment. | This equipment may be used. |
III. เจาะลึกการใช้งาน Modal Verbs แต่ละตัวในรูป Passive Voice
Modal Verbs แต่ละตัวมีการใช้งานและความหมายที่แตกต่างกันในรูป passive voice modal verb เราสามารถจัดกลุ่มตามหน้าที่ได้ดังนี้: กลุ่มแสดงความเป็นไปได้ (can, could, may, might, will, would) และกลุ่มแสดงข้อบังคับหรือคำแนะนำ (must, should)
Modal Verb | การใช้งาน/ความหมาย | ตัวอย่างประโยค Passive | คำแปลภาษาไทย |
can | ความสามารถ/ความเป็นไปได้ | This task can be completed in an hour. | งานนี้สามารถทำเสร็จได้ในหนึ่งชั่วโมง |
could | ความเป็นไปได้ในอดีต/สุภาพ | The problem could be solved easily. | ปัญหานี้อาจแก้ได้ง่ายๆ |
will | อนาคตแน่นอน | The meeting will be held tomorrow. | การประชุมจะจัดขึ้นพรุ่งนี้ |
would | อนาคตสมมติ/สุภาพ | The issue would be discussed later. | ประเด็นนี้จะถูกหารือในภายหลัง |
should | คำแนะนำ/สิ่งที่ควรทำ | The documents should be reviewed carefully. | เอกสารควรถูกตรวจสอบอย่างละเอียด |
must | ความจำเป็น/ข้อบังคับ | All forms must be submitted by Friday. | แบบฟอร์มทั้งหมดต้องส่งภายในวันศุกร์ |
may | ความเป็นไปได้/การอนุญาต | The results may be announced next week. | ผลลัพธ์อาจประกาศสัปดาห์หน้า |
might | ความเป็นไปได้น้อย | The event might be postponed. | งานอาจถูกเลื่อน |
IV. การสร้างประโยคที่ซับซ้อนขึ้น: รูปแบบปฏิเสธและคำถาม
การสร้างประโยคปฏิเสธใช้โครงสร้าง Modal + not + be + V.3 ในการสื่อสารจริง เราใช้รูปแบบนี้เพื่อแสดงสิ่งที่ไม่ควรหรือไม่จำเป็นต้องทำ:
- This information should not be shared with outsiders. (ข้อมูลนี้ไม่ควรแบ่งปันกับบุคคลภายนอก)
- The equipment must not be used without permission. (อุปกรณ์นี้ต้องไม่ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต)
- The results cannot be changed once submitted. (ผลลัพธ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อส่งแล้ว)
การสร้างประโยคคำถามใช้โครงสร้าง Modal + Subject + be + V.3? เพื่อสอบถามความเป็นไปได้หรือความจำเป็น:
- Should this report be submitted today? (รายงานนี้ควรส่งวันนี้หรือไม่?)
- Can the meeting be rescheduled? (การประชุมสามารถนัดใหม่ได้หรือไม่?)
- Must all documents be signed? (เอกสารทั้งหมดต้องลงนามหรือไม่?)
บทความแนะนำอ่านต่อ:
- ไขความลับ Passive Voice Present Simple แบบมืออาชีพ
- Passive Voice Past Simple: โครงสร้าง วิธีใช้ และแบบฝึกหัด
- Passive Voice Future Simple: โครงสร้าง วิธีใช้
V. แบบฝึกหัดเพื่อประยุกต์ใช้ความรู้
เพื่อทดสอบความเข้าใจใน passive voice with modals ที่คุณได้เรียนรู้มา ลองทำแบบฝึกหัด 2 รูปแบบต่อไปนี้ รูปแบบแรกเป็นการเปลี่ยนประโยค Active เป็น Passive และรูปแบบที่สองเป็นการเติมคำในช่องว่าง
แบบฝึกหัด A: เปลี่ยนประโยคต่อไปนี้จาก Active เป็น Passive
- They should complete the project by next month.
- Someone must check all the equipment before use.
- We can reschedule the meeting if necessary.
- The manager will announce the results tomorrow.
- You should have submitted the report yesterday.
แบบฝึกหัด B: เติมคำที่เหมาะสมในช่องว่าง
- The documents _______ be reviewed before signing.
- This problem _______ have been solved weeks ago.
- The meeting _______ be postponed due to bad weather.
- All applications _______ be submitted online.
- The new system _______ be implemented next year.
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด A:
- The project should be completed by next month.
- All the equipment must be checked before use.
- The meeting can be rescheduled if necessary.
- The results will be announced tomorrow.
- The report should have been submitted yesterday.
แบบฝึกหัด B:
- must, 2. should, 3. might, 4. can, 5. will
VI. เนื้อหาเสริม: คำถามที่พบบ่อยและเกร็ดความรู้ขั้นสูง
- ใช้ Modal Verbs ทุกตัวในรูป Passive ได้หรือไม่?
ใช้ได้เกือบทุกตัว แต่มีข้อยกเว้นสำคัญ Modal Verbs อย่าง “ought to” ใช้ได้แต่ไม่นิยม ส่วน semi-modals อย่าง “used to” หรือ “be able to” จะมีรูปแบบการใช้ที่แตกต่างเล็กน้อย เช่น “The task used to be done manually” หรือ “The problem is able to be solved”
- “Get-Passive” กับ “Be-Passive” ต่างกันอย่างไร?
Be-Passive เป็นรูปแบบมาตรฐาน เช่น “The door should be closed” ส่วน Get-Passive มีลักษณะเป็นภาษาพูดมากกว่า เช่น “The work should get done” และมักใช้ในสถานการณ์ที่เน้นการเปลี่ยนแปลงหรือผลลัพธ์
- Modal Verbs ใดที่นิยมใช้ในงานเขียนเชิงวิชาการ?
Modal Verbs ที่นิยมในงานเขียนเชิงวิชาการ ได้แก่ “should” (คำแนะนำ), “must” (ความจำเป็น), “can” (ความเป็นไปได้), “may” (ความเป็นไปได้/การอนุญาต), และ “might” (ความเป็นไปได้น้อย) เพราะช่วยให้การเขียนมีความเป็นทางการและแสดงระดับความแน่ใจที่แตกต่างกัน
- ความแตกต่างระหว่าง “must be” และ “should be” คืออะไร?
“Must be” แสดงความจำเป็นสูงหรือข้อบังคับที่ไม่มีทางเลือก เช่น “Safety equipment must be worn” (อุปกรณ์ความปลอดภัยต้องสวมใส่) ส่วน “should be” แสดงคำแนะนำหรือสิ่งที่เหมาะสม เช่น “The report should be submitted early” (รายงานควรส่งเร็ว) ซึ่งยังมีทางเลือกอื่น
เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้คุณใช้ passive modals ได้อย่างคล่องแคล่ว ประการแรก ฝึกฝนโครงสร้างพื้นฐานจนเป็นนิสัย เริ่มจากการแปลงประโยคง่ายๆ ก่อนไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อน ประการที่สอง รู้จักเลือกใช้อย่างมีเหตุผล ใช้ Passive Voice เมื่อต้องการเน้นผลลัพธ์มากกว่าผู้กระทำ หรือเมื่อต้องการความเป็นทางการในการสื่อสาร ประการสุดท้าย สังเกตการใช้งานจริงจากสื่อต่างๆ เช่น ข่าวสาร เอกสารทางการ หรือหนังสือภาษาอังกฤษ
การเชี่ยวชาญไวยากรณ์นี้จะเปิดโอกาสให้คุณเขียนและพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการเขียนอีเมล รายงาน หรือการสนทนาประจำวัน ความมั่นใจจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณเห็นว่าตนเองสามารถสื่อสารได้ชัดเจนและเป็นทางการมากขึ้น ความรู้นี้จะกลายเป็นทักษะที่ใช้ได้จริงในชีวิตและการทำงาน