ทำไม walk เปลี่ยนเป็น walked แต่ go กลับกลายเป็น went? ความลับของ Regular Verbs and Irregular Verbs อยู่ที่การมีกฎหรือไม่มีกฎในการผันรูป บทความนี้จะพาคุณเข้าใจความแตกต่างอย่างชัดเจน พร้อมเทคนิคการจำแบบเป็นระบบ กฎการสะกดและการออกเสียง -ed อย่างถูกต้อง รวมถึงตารางกริยา 3 ช่องกว่า 100 คำที่ใช้บ่อยที่สุด เพื่อให้คุณใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจและแม่นยำในทุกสถานการณ์
I. Regular Verbs และ Irregular Verbs คืออะไร?
Regular verbs หรือกริยาปกติ คือกริยาที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การผันรูปที่ชัดเจน โดยเพิ่ม -ed หรือ -d ที่ท้ายคำเมื่อต้องการใช้ในรูป past tense หรือ past participle ตัวอย่างเช่น play เปลี่ยนเป็น played, start เปลี่ยนเป็น started ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถคาดเดาและใช้งานได้ง่าย
Irregular verbs หรือกริยาผิดปกติ คือกริยาที่ไม่มีกฎเกณฑ์คงที่ในการผันรูป แต่ละคำมีรูปแบบเฉพาะตัวที่ต้องจดจำ เช่น go เปลี่ยนเป็น went และ gone, eat เปลี่ยนเป็น ate และ eaten กริยากลุ่มนี้มีประมาณ 200 คำที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ ซึ่งผู้เรียนต้องฝึกฝนจนชำนาญ
| คุณสมบัติ | Regular Verb | Irregular Verb |
| กฎเกณฑ์การผัน | มีกฎคงที่ เพิ่ม -ed/-d | ไม่มีกฎคงที่ ต้องจำเฉพาะคำ |
| ตัวอย่าง V1 | work, clean, study | go, eat, write |
| ตัวอย่าง V2 | worked, cleaned, studied | went, ate, wrote |
| ตัวอย่าง V3 | worked, cleaned, studied | gone, eaten, written |
| จำนวนโดยประมาณ | หลายพันคำ | ประมาณ 200 คำที่ใช้บ่อย |
II. เจาะลึก Regular Verbs: กฎการผันกริยา
การเชี่ยวชาญ regular verbs irregular verbs เริ่มต้นจากการเข้าใจกฎพื้นฐานที่ครอบคลุมกริยาส่วนใหญ่ในภาษาอังกฤษ การผันกริยาปกติมี 4 กฎหลักที่ผู้เรียนต้องรู้เพื่อใช้งานได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว
1. กฎการสะกดคำที่ถูกต้อง
กฎทั่วไป: เพิ่ม -ed ท้ายคำ
กริยาส่วนใหญ่ปฏิบัติตามกฎนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงเพิ่ม -ed ที่ท้ายคำ ตัวอย่างที่พบบ่อย เช่น
- work เป็น worked (ทำงาน → ทำงานแล้ว)
- play เป็น played (เล่น → เล่นแล้ว)
- watch เป็น watched (ดู → ดูแล้ว)
- clean เป็น cleaned (ทำความสะอาด → ทำความสะอาดแล้ว)
กฎนี้ใช้ได้กับกริยาประมาณ 70-80% ของ regular verbs ทั้งหมด
กฎลงท้ายด้วย -e: เพิ่มเพียง -d
เมื่อกริยามี e อยู่ท้ายคำอยู่แล้ว เราไม่ต้องเพิ่ม e ซ้ำอีก แต่เพิ่มเพียง d เท่านั้น ตัวอย่างเช่น
- love เป็น loved (รัก → รักแล้ว)
- move เป็น moved (ย้าย → ย้ายแล้ว)
- hope เป็น hoped (หวัง → หวังแล้ว)
- arrive เป็น arrived (มาถึง → มาถึงแล้ว)

กฎนี้ช่วยให้การสะกดคำดูเป็นธรรมชาติและไม่ซ้ำซ้อน
กฎลงท้ายด้วย พยัญชนะ + y: เปลี่ยน y เป็น i แล้วเพิ่ม -ed
เมื่อกริยาลงท้ายด้วยพยัญชนะตามด้วย y เราต้องเปลี่ยน y เป็น i ก่อนเพิ่ม -ed ตัวอย่างเช่น
- study เป็น studied (เรียน → เรียนแล้ว)
- carry เป็น carried (ถือ → ถือแล้ว)
- try เป็น tried (พยายาม → พยายามแล้ว)
- worry เป็น worried (กังวล → กังวลแล้ว)
แต่หากลงท้ายด้วยสระ + y จะไม่เปลี่ยนแปลง เช่น play เป็น played, enjoy เป็น enjoyed
กฎ CVC: เบิ้ลพยัญชนะท้ายแล้วเพิ่ม -ed
กฎนี้ใช้กับคำที่มีพยางค์เดียวและลงท้ายด้วยรูปแบบ พยัญชนะ-สระ-พยัญชนะ (Consonant-Vowel-Consonant) โดยต้องเพิ่มพยัญชนะตัวสุดท้ายซ้ำก่อนเพิ่ม -ed ตัวอย่างเช่น
- stop เป็น stopped (หยุด → หยุดแล้ว)
- plan เป็น planned (วางแผน → วางแผนแล้ว)
- drop เป็น dropped (ทิ้ง → ทิ้งแล้ว)

กฎนี้มีข้อยกเว้นเมื่อพยัญชนะตัวสุดท้ายเป็น w, x หรือ y เช่น show เป็น showed, fix เป็น fixed
2. เคล็ดลับการออกเสียงท้ายคำ ‘-ed’
การออกเสียง -ed มี 3 รูปแบบที่ขึ้นอยู่กับเสียงพยัญชนะก่อนหน้า ซึ่งเป็นความรู้เชิงลึกที่ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้คล่องและเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา
- ออกเสียง /t/ เมื่อกริยาลงท้ายด้วยเสียงไร้เสียง (voiceless sounds) เช่น /p/, /k/, /f/, /s/, /ʃ/, /tʃ/ ตัวอย่างเช่น stopped (/stɒpt/), worked (/wɜːkt/), laughed (/lɑːft/), missed (/mɪst/) เสียง /t/ จะสั้นและกระชับ ไม่ต้องเน้นมากเกินไป
- ออกเสียง /d/ เมื่อกริยาลงท้ายด้วยเสียงมีเสียง (voiced sounds) เช่น /b/, /g/, /v/, /z/, /ʒ/, /dʒ/, /m/, /n/, /ŋ/, /l/, /r/ และสระทั้งหมด ตัวอย่างเช่น played (/pleɪd/), moved (/muːvd/), cleaned (/kliːnd/), called (/kɔːld/) เสียง /d/ จะดังกว่าเสียง /t/ เล็กน้อย
- ออกเสียง /ɪd/ หรือ /əd/ เมื่อกริยาลงท้ายด้วย /t/ หรือ /d/ อยู่แล้ว เพื่อให้เสียงชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อน ตัวอย่างเช่น wanted (/ˈwɒntɪd/), needed (/ˈniːdɪd/), started (/ˈstɑːtɪd/), decided (/dɪˈsaɪdɪd/) รูปแบบนี้จะทำให้คำมีพยางค์เพิ่มขึ้นหนึ่งพยางค์
III. ตารางกริยา 3 ช่อง (Irregular Verb List) ฉบับสมบูรณ์
ตารางด้านล่างนี้รวบรวม regular irregular verbs ที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษมากกว่า 100 คำ จัดเรียงตามลำดับอักษร A-Z เพื่อให้คุณสามารถค้นหาและอ้างอิงได้สะดวก แต่ละคำมีคำอ่านภาษาไทยและคำแปลเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและจดจำได้ง่ายขึ้น
| V1 (Infinitive) | V2 (Past Simple) | V3 (Past Participle) | คำอ่านไทย | ความหมาย |
| arise | arose | arisen | อะไรส์ | เกิดขึ้น |
| be | was/were | been | บี | เป็น/อยู่/คือ |
| bear | bore | borne/born | แบร์ | แบก/ทน/คลอด |
| beat | beat | beaten | บีท | ตี/เอาชนะ |
| become | became | become | บิคัม | กลายเป็น |
| begin | began | begun | บิกิน | เริ่มต้น |
| bend | bent | bent | เบนด์ | งอ |
| bet | bet | bet | เบท | เดิมพัน |
| bind | bound | bound | ไบนด์ | ผูก/มัด |
| bite | bit | bitten | ไบท์ | กัด |
| bleed | bled | bled | บลีด | เลือดออก |
| blow | blew | blown | โบลว์ | เป่า/พัด |
| break | broke | broken | เบรก | ทำลาย/หัก |
| breed | bred | bred | บรีด | เพาะพันธุ์ |
| bring | brought | brought | บริง | นำมา |
| broadcast | broadcast | broadcast | บรอดคาสท์ | กระจายเสียง |
| build | built | built | บิลด์ | สร้าง |
| burn | burnt/burned | burnt/burned | เบิร์น | เผา/ไหม้ |
| burst | burst | burst | เบิร์สท์ | ระเบิด |
| buy | bought | bought | บาย | ซื้อ |
| cast | cast | cast | คาสท์ | โยน/หล่อ |
| catch | caught | caught | แคทช์ | จับ |
| choose | chose | chosen | ชูส | เลือก |
| cling | clung | clung | คลิง | ยึดติด |
| come | came | come | คัม | มา |
| cost | cost | cost | คอสท์ | มีราคา |
| creep | crept | crept | ครีพ | คลาน |
| cut | cut | cut | คัท | ตัด |
| deal | dealt | dealt | ดีล | จัดการ/แจก |
| dig | dug | dug | ดิก | ขุด |
| do | did | done | ดู | ทำ |
| draw | drew | drawn | ดรอว์ | วาด/ดึง |
| dream | dreamt/dreamed | dreamt/dreamed | ดรีม | ฝัน |
| drink | drank | drunk | ดริงค์ | ดื่ม |
| drive | drove | driven | ไดรฟ์ | ขับ |
| eat | ate | eaten | อีท | กิน |
| fall | fell | fallen | ฟอลล์ | ตก/ล้ม |
| feed | fed | fed | ฟีด | ให้อาหาร |
| feel | felt | felt | ฟีล | รู้สึก |
| fight | fought | fought | ไฟท์ | ต่อสู้ |
| find | found | found | ไฟนด์ | ค้นพบ/หา |
| flee | fled | fled | ฟลี | หนี |
| fly | flew | flown | ฟลาย | บิน |
| forbid | forbade | forbidden | ฟอร์บิด | ห้าม |
| forecast | forecast | forecast | ฟอร์คาสท์ | พยากรณ์ |
| forget | forgot | forgotten | ฟอร์เก็ท | ลืม |
| forgive | forgave | forgiven | ฟอร์กิฟว์ | ให้อภัย |
| freeze | froze | frozen | ฟรีซ | แข็งตัว |
| get | got | got/gotten | เก็ท | ได้รับ |
| give | gave | given | กีฟว์ | ให้ |
| go | went | gone | โก | ไป |
| grow | grew | grown | โกรว์ | เติบโต/ปลูก |
| hang | hung | hung | แฮง | แขวน |
| have | had | had | แฮฟว์ | มี |
| hear | heard | heard | เฮียร์ | ได้ยิน |
| hide | hid | hidden | ไฮด์ | ซ่อน |
| hit | hit | hit | ฮิท | ตี |
| hold | held | held | โฮลด์ | ถือ/จัด |
| hurt | hurt | hurt | เฮิร์ท | ทำร้าย/เจ็บ |
| keep | kept | kept | คีพ | เก็บรักษา |
| kneel | knelt | knelt | นีล | คุกเข่า |
| know | knew | known | โน | รู้ |
| lay | laid | laid | เล | วาง |
| lead | led | led | ลีด | นำ |
| lean | leant/leaned | leant/leaned | ลีน | เอนพิง |
| leap | leapt/leaped | leapt/leaped | ลีพ | กระโดด |
| learn | learnt/learned | learnt/learned | เลิร์น | เรียนรู้ |
| leave | left | left | ลีฟว์ | ออกจาก/ทิ้งไว้ |
| lend | lent | lent | เลนด์ | ให้ยืม |
| let | let | let | เล็ท | ปล่อย/อนุญาต |
| lie | lay | lain | ลาย | นอน/อยู่ |
| light | lit/lighted | lit/lighted | ไลท์ | จุด/สว่าง |
| lose | lost | lost | ลูส | สูญเสีย/แพ้ |
| make | made | made | เมค | ทำ/สร้าง |
| mean | meant | meant | มีน | หมายความว่า |
| meet | met | met | มีท | พบ |
| pay | paid | paid | เพย์ | จ่าย |
| prove | proved | proven/proved | พรูฟว์ | พิสูจน์ |
| put | put | put | พุท | วาง |
| quit | quit | quit | ควิท | ลาออก/เลิก |
| read | read | read | รีด | อ่าน |
| ride | rode | ridden | ไรด์ | ขี่ |
| ring | rang | rung | ริง | สั่น/ดัง |
| rise | rose | risen | ไรส์ | ขึ้น |
| run | ran | run | รัน | วิ่ง |
| say | said | said | เซย์ | พูด |
| see | saw | seen | ซี | เห็น |
| seek | sought | sought | ซีค | แสวงหา |
| sell | sold | sold | เซลล์ | ขาย |
| send | sent | sent | เซนด์ | ส่ง |
| set | set | set | เซ็ท | ตั้ง/วาง |
| sew | sewed | sewn/sewed | โซว์ | เย็บ |
| shake | shook | shaken | เชค | เขย่า |
| shine | shone/shined | shone/shined | ไชน์ | ส่องสว่าง |
| shoot | shot | shot | ชูท | ยิง |
| show | showed | shown/showed | โชว์ | แสดง |
| shrink | shrank | shrunk | ชริงค์ | หด |
| shut | shut | shut | ชัท | ปิด |
| sing | sang | sung | ซิง | ร้องเพลง |
| sink | sank | sunk | ซิงค์ | จม |
| sit | sat | sat | ซิท | นั่ง |
| sleep | slept | slept | สลีพ | นอน |
| slide | slid | slid | สไลด์ | เลื่อน |
| speak | spoke | spoken | สปีค | พูด |
| spend | spent | spent | สเปนด์ | ใช้จ่าย/ใช้เวลา |
| spin | spun | spun | สปิน | หมุน |
| split | split | split | สปลิท | แยก |
| spread | spread | spread | สเปรด | กระจาย |
| spring | sprang | sprung | สปริง | กระโดด/พุ่ง |
| stand | stood | stood | สแตนด์ | ยืน |
| steal | stole | stolen | สทีล | ขโมย |
| stick | stuck | stuck | สติ๊ก | ติด |
| sting | stung | stung | สติง | ต่อย/แทง |
| strike | struck | struck/stricken | สไตรค์ | ตี/โจมตี |
| swear | swore | sworn | สแวร์ | สาบาน |
| sweep | swept | swept | สวีพ | กวาด |
| swim | swam | swum | สวิม | ว่ายน้ำ |
| swing | swung | swung | สวิง | แกว่ง |
| take | took | taken | เทค | เอา/พา |
| teach | taught | taught | ทีช | สอน |
| tear | tore | torn | แทร์ | ฉีก |
| tell | told | told | เทลล์ | บอก |
| think | thought | thought | ธิงค์ | คิด |
| throw | threw | thrown | โธรว์ | โยน |
| understand | understood | understood | อันเดอร์สแตนด์ | เข้าใจ |
| wake | woke | woken | เวค | ตื่น |
| wear | wore | worn | แวร์ | สวมใส่ |
| weep | wept | wept | วีพ | ร้องไห้ |
| win | won | won | วิน | ชนะ |
| wind | wound | wound | ไวนด์ | พัน/คดเคี้ยว |
| write | wrote | written | ไรท์ | เขียน |
IV. วิธีใช้ V1, V2, และ V3
การเข้าใจ regular irregular คือจุดเริ่มต้น แต่การนำไปใช้จริงในประโยคต่างๆ จะทำให้คุณเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษได้อย่างสมบูรณ์ แต่ละรูปของกริยามีบริบทการใช้งานเฉพาะที่ต้องเข้าใจอย่างชัดเจน
1. การใช้ V2 (Past Simple)
V2 ใช้เล่าเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีตแล้ว โดยไม่เชื่อมโยงกับปัจจุบัน เราใช้ V2 ในประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม และประโยคปฏิเสธในรูป past simple tense ตัวอย่างกริยาปกติ คือ
- “I worked at that company for five years” แปลว่า ฉันทำงานที่บริษัทนั้นห้าปี
- “She studied medicine in Bangkok” แปลว่า เธอเรียนแพทย์ที่กรุงเทพฯ
- “They visited the temple yesterday” แปลว่า พวกเขาไปเที่ยววัดเมื่อวาน
ตัวอย่างกริยาผิดปกติ คือ
- “He went to Japan last month” แปลว่า เขาไปญี่ปุ่นเดือนที่แล้ว
- “We ate Thai food for dinner” แปลว่า เรากินอาหารไทยมื้อเย็น
- “The meeting began at 9 AM” แปลว่า การประชุมเริ่มตอน 9 โมงเช้า
การใช้ V2 ถูกต้องจะทำให้การเล่าเรื่องในอดีตของคุณชัดเจนและเป็นธรรมชาติ
2. การใช้ V3 (Past Participle)
V3 มีการใช้งาน 2 บริบทหลักที่ผู้เรียนต้องเชี่ยวชาญ บริบทแรกคือการใช้กับ perfect tenses ซึ่งแสดงเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันหรือเน้นความสมบูรณ์ของการกระทำ ตัวอย่าง present perfect เช่น
- “I have lived in Thailand for ten years” แปลว่า ฉันอยู่เมืองไทยมาสิบปีแล้ว (และยังอยู่)
- “She has finished her homework” แปลว่า เธอทำการบ้านเสร็จแล้ว
- “They have gone to the market” แปลว่า พวกเขาไปตลาดแล้ว
ตัวอย่าง past perfect เช่น
- “He had already eaten before I arrived” แปลว่า เขากินข้าวเรียบร้อยแล้วก่อนฉันมาถึง
- “The book was written by a famous author” แปลว่า หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนโดยนักเขียนชื่อดัง
- “English is spoken all over the world” แปลว่า ภาษาอังกฤษถูกใช้พูดทั่วโลก
- “The report has been completed” แปลว่า รายงานถูกทำเสร็จแล้ว
การเชี่ยวชาญการใช้ V3 จะทำให้คุณสามารถสื่อสารในระดับขั้นสูงและเขียนภาษาอังกฤษได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
V. ถาม-ตอบข้อสงสัย: สำรวจมิติที่ลึกกว่า
1. Phrasal Verbs ที่เป็น Irregular จะผันรูปอย่างไร?
Phrasal verbs คือกริยาวลีที่ประกอบด้วยกริยาหลักและ particle (คำบุพบทหรือคำวิเศษณ์) เมื่อผันรูป phrasal verbs ที่มีกริยาหลักเป็น irregular verb เราจะผันเฉพาะกริยาหลักเท่านั้น ส่วน particle จะไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น “give up” (ยอมแพ้/เลิก) จะผันเป็น gave up – given up, “break down” (เสีย/แตกสลาย) จะผันเป็น broke down – broken down, “take off” (ถอดออก/ออกเดินทาง) จะผันเป็น took off – taken off ส่วน phrasal verbs ที่มีกริยาหลักเป็น regular verb เช่น “look after” (ดูแล) จะผันเป็น looked after – looked after ตามกฎปกติ การเข้าใจหลักการนี้จะช่วยให้คุณใช้ phrasal verbs ได้ถูกต้องโดยไม่สับสน
2. มีกริยาที่สามารถเป็นได้ทั้ง Regular และ Irregular หรือไม่?
มีกริยาบางคำที่สามารถผันได้ทั้งแบบ regular และ irregular โดยทั้งสองรูปแบบถูกต้องและใช้ได้ทั้งคู่ ตัวอย่างที่พบบ่อย เช่น burn สามารถเป็น burned (regular) หรือ burnt (irregular), learn สามารถเป็น learned หรือ learnt, spell สามารถเป็น spelled หรือ spelt, spoil สามารถเป็น spoiled หรือ spoilt โดยทั่วไปแล้ว รูป regular (ลงท้าย -ed) จะเป็นที่นิยมในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ในขณะที่รูป irregular จะนิยมมากกว่าในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ทั้งสองรูปแบบมีความหมายเหมือนกันและสามารถใช้แทนกันได้ในทุกบริบท ผู้เรียนไม่ต้องกังวลว่าจะใช้ผิด แต่ควรรักษาความสม่ำเสมอในการใช้รูปแบบเดียวกันตลอดทั้งงานเขียน
3. จริงหรือไม่ที่ Irregular Verbs กำลังลดจำนวนลง?
จริง irregular verbs กำลังลดจำนวนลงในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ผ่านกระบวนการที่นักภาษาศาสตร์เรียกว่า “regularization” ซึ่งหมายถึงการที่กริยาผิดปกติค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นกริยาปกติตามกาลเวลา ตัวอย่างเช่น dive เคยผันเป็น dove (irregular) แต่ปัจจุบันผู้พูดส่วนใหญ่ใช้ dived (regular) มากกว่า, sneak เคยเป็น snuck แต่ก็กลายเป็น sneaked ในหลายพื้นที่ กระบวนการนี้เกิดขึ้นเพราะภาษามีแนวโน้มพัฒนาไปสู่ความเรียบง่ายและมีกฎเกณฑ์ที่สม่ำเสมอมากขึ้น โดยเฉพาะกริยาที่ใช้ไม่บ่อยจะถูก regularize ง่ายกว่ากริยาที่ใช้บ่อยมาก เช่น go, be, have ซึ่งยังคงรูปแบบ irregular ไว้เพราะถูกใช้ทุกวันจนฝังแน่นในหน่วยความจำของผู้พูด อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้เกิดขึ้นช้ามากและใช้เวลาหลายร้อยปีจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง regular verbs and irregular verbs คือพื้นฐานสำคัญที่จะนำคุณไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ กริยาปกติมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสามารถนำไปใช้ได้ทันที ในขณะที่กริยาผิดปกติต้องอาศัยการฝึกฝนและความคุ้นเคยจากการใช้งานจริง
ความสำเร็จในการเชี่ยวชาญกริยาทั้งสองประเภทไม่ได้มาจากการท่องจำตารางเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการนำไปใช้งานจริงในการฟัง พูด อ่าน และเขียนอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากกริยาที่ใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน แล้วค่อยๆ ขยายไปยังกริยาที่ซับซ้อนมากขึ้น อ่านหนังสือภาษาอังกฤษและสังเกตว่ากริยาแต่ละคำถูกใช้ในบริบทใด ฝึกเขียนประโยคด้วยตัวเองและทดลองใช้กริยาที่เพิ่งเรียนรู้ ดูภาพยนตร์หรือฟังพอดแคสต์เพื่อให้คุ้นเคยกับการใช้กริยาในการสื่อสารจริง เมื่อคุณฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การใช้กริยาต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่ต้องคิดมากโดยไม่รู้ตัว
