วิธีใช้ Should และ Shouldn’t ฉบับสมบูรณ์: ความแตกต่าง ตัวอย่าง

การใช้ should shouldn’t ให้ถูกต้องเป็นทักษะสำคัญที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องเชี่ยวชาญ หลายคนยังคงสับสนเรื่องโครงสร้างประโยค การเลือกใช้ในสถานการณ์ต่างๆ และความแตกต่างของความหมาย บทความนี้ TOEIC Mentor จะพาคุณไขข้อสงสัยทั้งหมดด้วยคำอธิบายที่เข้าใจง่าย ตัวอย่างประโยคจริง และเทคนิคการจำที่ไม่ลืม เมื่ออ่านจบ คุณจะใช้ should และ shouldn’t ได้อย่างมั่นใจและแม่นยำในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนา การเขียน หรือการสอบ

I. แก่นแท้ของ Should vs. Shouldn’t

ก่อนจะไปเจาะลึกการใช้งานแต่ละแบบ เรามาทำความเข้าใจความแตกต่างหลักของสองคำนี้กันก่อน การเข้าใจจุดนี้จะทำให้คุณไม่สับสนในการเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนก็ตาม

ตารางเปรียบเทียบ: Should และ Shouldn’t ต่างกันอย่างไร?

กฎทองของการใช้: โครงสร้างประโยคที่ไม่เคยเปลี่ยน

โครงสร้างที่ถูกต้อง

โครงสร้างหลักที่คุณต้องจำให้ขึ้นใจคือ Subject + should/shouldn’t + Verb ช่องที่ 1 เท่านั้น ไม่ต้องเติม “to” หน้ากริยา ไม่ต้องผันกริยาตามประธาน และไม่ต้องใส่ “s” หรือ “ed” ใดๆ ทั้งสิ้น

ตัวอย่างข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

• ❌ ผิด: He should goes home.
• ✅ ถูก: He should go home. (เขาควรกลับบ้าน)
• ❌ ผิด: She shouldn’t to worry about it.
• ✅ ถูก: She shouldn’t worry about it. (เธอไม่ควรกังวลเรื่องนั้น)

II. เจาะลึกการใช้ “Should”

1. การใช้งาน Should

คำว่า should มีการใช้งานหลัก 3 แบบที่คุณต้องเข้าใจให้ชัดเจน แต่ละแบบจะมีบริบทและความรู้สึกที่แตกต่างกัน การรู้จักแยกแยะจะทำให้การสื่อสารของคุณแม่นยำและเหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น

1. การใช้งานหลักที่ 1 (Giving Advice)

นี่เป็นหน้าที่หลักและพบบ่อยที่สุดของ should ใช้เมื่อต้องการให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ มักเจอในการสนทนาประจำวันระหว่างเพื่อน ครอบครัว หรือการให้คำปรึกษา

• “You should drink more water.” (คุณควรดื่มน้ำให้มากขึ้น)
• “We should save money for the future.” (เราควรเก็บเงินเพื่ออนาคต)

2. การใช้งานหลักที่ 2 (Expressing Expectation)

ใช้แสดงความคาดหวังหรือสิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นตามปกติ มักใช้ในสถานการณ์ที่เรามีข้อมูลหรือประสบการณ์ที่ทำให้เราคาดการณ์ได้

• “The train should arrive at 3 PM.” (รถไฟน่าจะมาถึงตอน 3 โมงเย็น)
• “This medicine should help you feel better.” (ยานี้น่าจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น)

3. การใช้งานหลักที่ 3 (Moral Obligation)

ใช้แสดงความรับผิดชอบทางศีลธรรมหรือสิ่งที่สังคมคาดหวัง เป็นการยกระดับจากคำแนะนำธรรมดาไปสู่ความรู้สึกที่ว่า “เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ”

• “Students should respect their teachers.” (นักเรียนควรเคารพครูอาจารย์)
• “We should help people in need.” (เราควรช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ)

2. การสร้างประโยคคำถามด้วย Should: ถามเพื่อขอคำแนะนำ

การใช้ should ในรูปคำถามเป็นวิธีสุภาพในการขอคำแนะนำหรือความเห็น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักที่มีโครงสร้างและการใช้งานแตกต่างกัน

คำถามแบบ Yes/No

โครงสร้าง: Should + Subject + Verb ช่องที่ 1?

• “Should I call him now?” (ฉันควรโทรหาเขาตอนนี้ไหม?)
• “Should we leave early?” (เราควรออกไปเร็วไหม?)

คำถามแบบ Wh-Questions

โครงสร้าง: Wh-word + should + Subject + Verb ช่องที่ 1?

• “What should I do next?” (ฉันควรทำอะไรต่อไป?)
• “Where should we meet?” (เราควรเจอกันที่ไหน?)

III. เจาะลึกการใช้ “Shouldn’t”

คำว่า shouldn’t เป็นรูปย่อของ should not มีความหมายตรงข้ามกับ should เป็นการแสดงความคิดเห็นในเชิงลบหรือการห้ามปราม

การใช้งาน Shouldn’t

หน้าที่หลักของ shouldn’t คือการแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเตือนไม่ให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มักใช้ในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดผลเสียหรือปัญหา

• “You shouldn’t drive too fast.” (คุณไม่ควรขับรถเร็วเกินไป)
• “Children shouldn’t watch too much TV.” (เด็กไม่ควรดูทีวีมากเกินไป)
• “We shouldn’t judge people by their appearance.” (เราไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก)

IV. คำถามที่พบบ่อยและข้อสงสัยเชิงลึก

1. Should หมายถึงแค่ “คำแนะนำ” หรือมีความหมายอื่นด้วย?

Should ไม่ได้หมายถึงแค่คำแนะนำเท่านั้น ยังรวมถึงความคาดหวัง ความน่าจะเป็น และหน้าที่ทางศีลธรรมด้วย ขึ้นอยู่กับบริบทของประโยค

2. “You should go” กับ “You ought to go” รู้สึกต่างกันอย่างไร?

“You should go” ฟังดูเป็นมิตรและใกล้ชิดกว่า เหมือนเพื่อนให้คำแนะนำ ส่วน “You ought to go” ฟังดูเป็นทางการและจริงจังกว่า เหมือนผู้ใหญ่ให้คำแนะนำ

3. Should อยู่ในกลุ่มความเป็นทางการระดับไหน?

Should อยู่ในระดับกึ่งเป็นทางการ เหมาะกับการสนทนาทั่วไป ถ้าต้องการความเป็นทางการมากขึ้นใช้ ought to หรือ it is advisable to แทน

4. ใช้ Should ในเชิงประชดได้ไหม?

ใช้ได้ เช่น “You should be proud of yourself” พูดในเชิงประชดหมายถึง “คุณน่าจะภูมิใจในตัวเองจริงๆ (แต่จริงๆ แล้วทำผิด)” ต้องดูจากน้ำเสียงและบริบท

การเรียนรู้ should และ shouldn’t ไม่ใช่เรื่องยากหากคุณเข้าใจหลักการพื้นฐาน จำโครงสร้างประโยคที่ถูกต้อง และฝึกใช้ในบริบทที่เหมาะสม ตั้งแต่การให้คำแนะนำง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการแสดงความคาดหวังและหน้าที่ทางศีลธรรมในระดับสูง

ความสำคัญของการใช้ should และ shouldn’t อยู่ที่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ เมื่อคุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างการแนะนำ การคาดหวัง และการแสดงความรับผิดชอบทางศีลธรรม คุณจะสามารถเลือกใช้คำเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำและสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟัง

จุดสำคัญสุดท้ายคือการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เริ่มจากการใช้ในสถานการณ์ง่ายๆ แล้วค่อยๆ พัฒนาไปสู่การใช้ในบริบทที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่าลืมว่าการเรียนรู้ภาษาต้องใช้เวลาและความอดทน แต่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องจากบทความนี้ คุณพร้อมแล้วที่จะก้าวไปสู่การใช้ภาษาอังกฤษที่มั่นใจและแม่นยำยิ่งขึ้น