TOEIC Grammarสรุปครบจบในที่เดียว: หลักการใช้และแบบฝึกหัด Should / Shouldn't พร้อมเฉลย 

สรุปครบจบในที่เดียว: หลักการใช้และแบบฝึกหัด Should / Shouldn’t พร้อมเฉลย 

เคยสับสนไหมว่าจะใช้ Should หรือ Shouldn’t ตอนไหนดี? หลายคนมักลังเลเวลาให้คำแนะนำเพื่อนหรือแสดงความคิดเห็น ว่าจะใช้คำไหนถึงจะเหมาะสมและฟังดูเป็นธรรมชาติ บทความนี้จัดเต็มแบบฝึกหัด Should Shouldn’tครบครันทั้ง 3 ระดับ พร้อมเฉลยและคำอธิบายละเอียด ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการใช้งาน Modal Verb คู่สำคัญนี้อย่างถ่องแท้ ฝึกฝนจนใช้งานได้อย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา พร้อมยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณไปอีกขั้น

I. หลักการใช้ Should และ Shouldn’t พื้นฐานที่ต้องรู้

1. การให้คำแนะนำ (Giving Advice)

Should ใช้เมื่อเราต้องการแนะนำให้ใครสักคนทำสิ่งที่เราคิดว่าดีหรือเหมาะสม เป็นการแสดงความคิดเห็นในเชิงบวก

  • He is sick. He should see a doctor. (เขาป่วย เขาควรไปหาหมอ)

Shouldn’t ใช้เมื่อเราต้องการแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นการให้คำแนะนำในเชิงลบ

  • It’s raining. You shouldn’t go out without an umbrella. (ฝนตก คุณไม่ควรออกไปข้างนอกโดยไม่มีร่ม)

หลักการใช้ Should และ Shouldn't พื้นฐานที่ต้องรู้

2. การแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ (Expressing a Polite Opinion)

Should และ Shouldn’t ช่วยให้เราแสดงความคิดเห็นได้อย่างสุภาพและไม่รุนแรง แทนที่จะใช้คำสั่งตรงๆ เช่น “I think you should apologize to her.” (ฉันคิดว่าคุณควรขอโทษเธอ) ซึ่งฟังดูนุ่มนวลกว่าการพูดว่า “Apologize to her!”

3. การแสดงความคาดหวัง (Expressing Expectation)

นอกจากคำแนะนำแล้ว Should ยังใช้แสดงสิ่งที่เราคาดหวังหรือคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นตามเหตุผล เช่น “She studied hard. She should pass the exam.” (เธอตั้งใจเรียน เธอน่าจะสอบผ่าน)

4. โครงสร้างประโยค (Sentence Structure)

ประเภทประโยค โครงสร้าง ตัวอย่าง
บอกเล่า Subject + should + V.1 You should rest.
ปฏิเสธ Subject + shouldn’t + V.1 You shouldn’t worry.
คำถาม Should + Subject + V.1? Should I call him?

5. เจาะลึกการใช้งานสำหรับผู้เรียนขั้นสูง

เมื่อใช้พื้นฐานคล่องแล้ว มาดูวิธีใช้ที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อยกระดับภาษาอังกฤษของคุณกัน การเข้าใจความหมายเชิงลึกเหล่านี้จะทำให้การใช้ภาษาของคุณแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

  1. Should ในความหมายเชิงคาดคะเน

Should ไม่ได้หมายถึงแค่คำแนะนำเสมอไป บางครั้งใช้แสดงการคาดคะเนว่าสิ่งใดน่าจะเกิดขึ้น เปรียบเทียบกับ “will” ที่แสดงความแน่นอน Should จะแสดงความน่าจะเป็นประมาณ 70-80% เช่น “The train should arrive at 3 PM.” (รถไฟน่าจะมาถึงตอนบ่าย 3 โมง)

  1. Should have + V.3 (การเสียดายในอดีต)

นี่คือโครงสร้างที่แสดงความเสียดายหรือการวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มีอารมณ์ของประโยคแบบ “รู้งี้…น่าจะทำ” เช่น “I was late. I should have left earlier.” (ฉันไปสาย น่าจะออกจากบ้านเร็วกว่านี้) โครงสร้างนี้มักใช้เมื่อเราต้องการแสดงความรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ

  1. ความแตกต่างทางความรู้สึก: Should vs. Ought to

Should เป็นคำแนะนำทั่วไปที่ใช้ในสถานการณ์ปกติ ในขณะที่ Ought to เป็นคำแนะนำที่แฝงความรู้สึกด้านหน้าที่หรือศีลธรรม และเป็นทางการกว่า เช่น “You ought to respect your parents” ฟังดูจริงจังกว่า “You should respect your parents”

หลังจากเราได้เรียนรู้และฝึกฝนตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงขั้นสูงแล้ว มาดูคำถามที่หลายคนยังสงสัยกันอยู่ เพื่อให้คุณเข้าใจเรื่อง Should ได้อย่างหมดจดและไม่มีข้อกังขา

บทความแนะนำอ่านต่อ:

II. ศูนย์รวมแบบฝึกหัด should shouldn’t

ถึงเวลาลงมือทำ! เรามีแบบฝึกหัด should shouldn’tทั้งหมด 3 ระดับให้เลือกฝึก ตั้งแต่ระดับพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น ไปจนถึงระดับท้าทายสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมทักษะ

1. แบบฝึกหัดที่ 1: เติมคำในช่องว่าง

นี่เป็นแบบฝึกหัด should shouldn’tพื้นฐานที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้โครงสร้างประโยค โดยเน้นให้เข้าใจวิธีการใช้ Should และ Shouldn’t ในประโยคต่างๆ

คำสั่ง: เติม should หรือ shouldn’t ในช่องว่าง

  1. You _______ eat too much candy. It’s bad for your teeth.
  2. Students _______ listen to their teachers carefully.
  3. Tom has an exam tomorrow. He _______ study tonight.
  4. It’s late. We _______ go to bed now.
  5. You _______ drive when you’re tired.
  6. Mary feels sick. She _______ see a doctor.
  7. Children _______ play with matches.
  8. If you want to lose weight, you _______ exercise regularly.
  9. You _______ be rude to your parents.
  10. It’s raining heavily. You _______ take an umbrella.

เฉลย:

  1. shouldn’t (ไม่ควรกินลูกอมมากเกินไป เพราะเป็นอันตรายต่อฟัน)
  2. should (นักเรียนควรฟังครูอย่างตั้งใจ)
  3. should (ทอมมีสอบพรุ่งนี้ เขาควรอ่านหนังสือคืนนี้)
  4. should (ดึกแล้ว เราควรเข้านอน)
  5. shouldn’t (คุณไม่ควรขับรถตอนเหนื่อย)
  6. should (แมรี่รู้สึกไม่สบาย เธอควรไปหาหมอ)
  7. shouldn’t (เด็กๆ ไม่ควรเล่นไฟแช็ก)
  8. should (ถ้าอยากผอม คุณควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ)
  9. shouldn’t (คุณไม่ควรหยาบคายกับพ่อแม่)
  10. should (ฝนตกหนัก คุณควรเอาร่มไป)

2. แบบฝึกหัดที่ 2: ให้คำแนะนำจากสถานการณ์

แบบฝึกหัด should shouldn’t พร้อม เฉลยนี้เป็นการฝึกประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ผู้เรียนจะได้อ่านสถานการณ์ต่างๆ แล้วเขียนประโยคคำแนะนำที่เหมาะสม

คำสั่ง: อ่านสถานการณ์แล้วให้คำแนะนำโดยใช้ should หรือ shouldn’t

  1. สถานการณ์: จอห์นมีน้ำหนักเกินและต้องการลดน้ำหนัก คำแนะนำของคุณ: _______________________
  2. สถานการณ์: ลิซ่าจะมีการสัมภาษณ์งานพรุ่งนี้ คำแนะนำของคุณ: _______________________
  3. สถานการณ์: เพื่อนของคุณติดเกมและไม่ทำการบ้าน คำแนะนำของคุณ: _______________________
  4. สถานการณ์: พี่ชายของคุณขับรถเร็วมาก คำแนะนำของคุณ: _______________________
  5. สถานการณ์: น้องสาวของคุณใช้เงินฟุ่มเฟือย คำแนะนำของคุณ: _______________________

เฉลย:

  1. John should eat healthy food and exercise more. / He shouldn’t eat junk food. (จอห์นควรกินอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกายมากขึ้น / เขาไม่ควรกินอาหารขยะ)
  2. Lisa should prepare for the interview and dress professionally. (ลิซ่าควรเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์และแต่งตัวอย่างมืออาชีพ)
  3. You shouldn’t spend too much time playing games. You should do your homework first. (คุณไม่ควรใช้เวลาเล่นเกมมากเกินไป คุณควรทำการบ้านก่อน)
  4. You shouldn’t drive so fast. You should drive more carefully. (คุณไม่ควรขับรถเร็วขนาดนั้น คุณควรขับรถระมัดระวังมากกว่านี้)
  5. She shouldn’t waste money on unnecessary things. She should save money for the future. (เธอไม่ควรใช้เงินกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เธอควรเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต)

3. แบบฝึกหัดที่ 3: แก้ไขประโยคที่ผิด

เป็นshould shouldn’t แบบฝึกหัดที่ท้าทายความเข้าใจ ผู้เรียนต้องหาข้อผิดพลาดในประโยคและแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยเสริมทักษะการใช้ไวยากรณ์อย่างแม่นยำ

คำสั่ง: หาข้อผิดพลาดในประโยคต่อไปนี้และแก้ไขให้ถูกต้อง

  1. You should to study harder for the exam.
  2. Should you goes to the party tonight?
  3. She shouldn’t ate too much ice cream.
  4. I think he should helps his mother.
  5. Students shouldn’t to use phones in class.
  6. Should we buying a new car?
  7. You shouldn’t worried about the test.
  8. They should working together on this project.
  9. Should I to call the doctor?
  10. She shouldn’t be always late for work.

เฉลย:

  1. You should study harder for the exam. (เอา “to” ออก เพราะหลัง should ใช้ infinitive โดยไม่มี to)
  2. Should you go to the party tonight? (เปลี่ยน “goes” เป็น “go” เพราะหลัง should ใช้ V.1)
  3. She shouldn’t eat too much ice cream. (เปลี่ยน “ate” เป็น “eat” เพราะหลัง shouldn’t ใช้ V.1)
  4. I think he should help his mother. (เปลี่ยน “helps” เป็น “help” เพราะหลัง should ใช้ V.1)
  5. Students shouldn’t use phones in class. (เอา “to” ออก เพราะหลัง shouldn’t ใช้ infinitive โดยไม่มี to)
  6. Should we buy a new car? (เปลี่ยน “buying” เป็น “buy” เพราะหลัง should ใช้ V.1)
  7. You shouldn’t worry about the test. (เปลี่ยน “worried” เป็น “worry” เพราะหลัง shouldn’t ใช้ V.1)
  8. They should work together on this project. (เปลี่ยน “working” เป็น “work” เพราะหลัง should ใช้ V.1)
  9. Should I call the doctor? (เอา “to” ออก เพราะหลัง should ใช้ infinitive โดยไม่มี to)
  10. She shouldn’t always be late for work. (ย้าย “always” ไปหลัง shouldn’t เพราะ adverb ควรอยู่หลัง modal verb)

III. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใช้ Should

1. Should ต้องใช้กับคำแนะนำที่จริงจังเสมอไปหรือไม่?

ไม่จำเป็นเลย Should สามารถใช้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันได้ เช่น “You should try this cake. It’s delicious.” (คุณควรลองเค้กนี้ อร่อยมาก) ซึ่งเป็นการแนะนำแบบเป็นกันเองมากกว่าเรื่องใหญ่โต

2. Modal Verb คืออะไร?

Modal Verb คือกริยาช่วยที่มาเสริมความหมายให้กริยาหลัก เพื่อบอกถึงความสามารถ (can) ความจำเป็น (must) หรือการแนะนำ (should) โดยไม่เปลี่ยนรูปตามประธาน

3. Modal Verbs ที่ความหมายใคล้เคียง Should มีอะไรบ้าง?

Ought to ใช้แทน Should ได้แต่เป็นทางการกว่า และ Had better ใช้เมื่อต้องการแนะนำอย่างเร่งด่วนหรือมีผลตามมาหากไม่ทำตาม

4. Should ต่างจาก Must และ Have to อย่างไร?

Should หมายถึงการแนะนำ (It’s a good idea) ในขณะที่ Have to แสดงความจำเป็น (It’s necessary) และ Must แสดงการบังคับหรือกฎ (It’s a rule/command) ความแรงของการบังคับจะเรียงจาก Should < Have to < Must

การเรียนรู้ Should และ Shouldn’t ไม่ได้ยากอย่างที่คิด สิ่งสำคัญคือการนำไปใช้จริง ลองให้คำแนะนำเพื่อนๆ ด้วย Should และ Shouldn’t ในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยและใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ นี่คือก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้าต่อไป

Nalinee (นลินี)
Nalinee (นลินี)https://toeicmentor.com
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ Nalinee (นลินี) ผู้ดูแลเนื้อหาเว็บไซต์ Toeicmentor.com แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้เรียน TOEIC ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ฉันมีหน้าที่คัดสรรและจัดการเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และอัปเดตล่าสุดอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือกำลังเตรียมสอบเพื่อคะแนนที่สูงขึ้น Toeicmentor.com พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดในทุกขั้นตอนของการเรียนรู้ TOEIC ของคุณ

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

โพสต์ใหม่

แบบฝึกหัด Compound-Complex Sentence พร้อมเฉลยและคำอธิบายละเอียด

การเขียนประโยคภาษาอังกฤษระดับสูงต้องใช้โครงสร้าง Compound-Complex Sentence ให้เป็น หากคุณกำลังมองหาแบบฝึกหัด Compound-Complex Sentence...

สรุป Will vs Going to ฉบับสมบูรณ์: เคลียร์ทุกข้อสงสัย พร้อมแบบฝึกหัด 50+ ข้อและเฉลยละเอียด

ปัญหาความสับสนระหว่าง Will และ Going to เป็นเรื่องที่นักเรียนไทยเจอกันทุกวัน แต่วันนี้จะไม่สับสนอีกต่อไป!...

แบบฝึกหัด Possessive Pronoun พร้อมเฉลย | สรุปหลักการใช้ Mine, Yours, Hers เข้าใจใน 5 นาที

หลายคนเคยสงสัยว่าทำไมบางครั้งต้องใช้ 'my book' แต่บางครั้งต้องใช้ 'mine' เพียงอย่างเดียว ความสับสนนี้เกิดขึ้นบ่อยมากจนกลายเป็นปัญหาหลักในการเรียนภาษาอังกฤษ...