การเข้าใจ singular and plural nouns เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของคุณอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้ TOEIC Mentorนำเสนอ 5 กฎเหล็กในการสร้างคำนามพหูพจน์ พร้อมเคล็ดลับจัดการ irregular nouns ที่ซับซ้อน ไม่เพียงเท่านั้น ยังรวมถึงกรณีพิเศษขั้นสูงและแบบฝึกหัดเชิงปฏิบัติที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่คนไทยมักทำ เริ่มต้นการเดินทางสู่ความเชี่ยวชาญด้วยคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะเปลี่ยนความเข้าใจของคุณไปตลอดกาล
I. ทำความเข้าใจ Singular and Plural Nouns คืออะไร
การเรียนรู้ singular and plural nouns ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักเรียนไทยต้องเข้าใจให้ชัดเจน เพราะภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีโครงสร้างการแสดงจำนวนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ภาษาไทย | ภาษาอังกฤษ | หลักการ |
แมว 2 ตัว | two cats | ใช้ลักษณนาม |
หนังสือ 3 เล่ม | three books | เปลี่ยนรูปคำนาม |
นักเรียน 5 คน | five students | เติม -s ท้ายคำ |
ความแตกต่างนี้ทำให้คนไทยมักเกิดความสับสนและทำข้อผิดพลาดในการใช้ singular plural nouns ในสถานการณ์จริง การเข้าใจหลักการนี้จะช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
1. นามเอกพจน์ (Singular Noun) คืออะไร?
Singular noun หมายถึงคำนามที่แสดงถึงสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่น a cat (แมวตัวหนึ่ง), one book (หนังสือเล่มหนึ่ง), the teacher (ครูคนหนึ่ง) และ this apple (แอปเปิ้ลลูกนี้)
2. นามพหูพจน์ (Plural Noun) คืออะไร?
Plural noun คือ คำนามที่แสดงถึงสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่ง ตัวอย่างเช่น cats (แมวหลายตัว), books (หนังสือหลายเล่ม), teachers (ครูหลายคน) และ these apples (แอปเปิ้ลหลายลูกเหล่านี้)
3. คำนามนับได้ (Countable) vs. คำนามนับไม่ได้ (Uncountable)
ก่อนเรียนรู้การสร้าง singular and plural forms คุณต้องเข้าใจว่ามีเพียงคำนามนับได้เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนจากเอกพจน์เป็นพหูพจน์ได้ คำนามนับไม่ได้จะคงรูปเดิมเสมอและไม่สามารถใช้กับตัวเลขโดยตรงได้
ประเภทคำนาม | คำอธิบาย | ตัวอย่าง | การใช้งาน |
Countable Nouns | สิ่งที่นับเป็นหน่วยได้ | cat/cats, book/books | สามารถเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ได้ |
Uncountable Nouns | สิ่งที่นับเป็นหน่วยไม่ได้ | water, rice, advice | ไม่เปลี่ยนรูป ใช้กับ much/little |
ความเข้าใจนี้จะป้องกันข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้คำนามประเภทต่างๆ และช่วยให้คุณเลือกใช้ quantifiers ที่เหมาะสมกับแต่ละประเภท
II. กฎเหล็ก 5 ข้อในการสร้างคำนามพหูพจน์ (Regular Plural Nouns)
การสร้าง singular vs plural nouns ในรูปแบบปกติมีกฎที่ชัดเจนและสามารถเรียนรู้ได้ไม่ยาก เราจะเรียนรู้จากกฎง่ายไปยากที่สุดเพื่อสร้างความเข้าใจที่เป็นระบบ
กฎที่ 1: เติม -s ท้ายคำ (กฎพื้นฐานที่ใช้บ่อยที่สุด)
หลักการ: คำนามส่วนใหญ่เติม -s เพียงอย่างเดียว
กลุ่มตัวอย่าง:
- สัตว์: cat → cats, dog → dogs, bird → birds
- วัตถุ: book → books, table → tables, phone → phones
- บุคคล: student → students, teacher → teachers
กฎที่ 2: เติม -es สำหรับคำที่ลงท้ายด้วย s, x, z, ch, sh
หลักการ: เมื่อเติม -s แล้วเสียงติดกัน ต้องเพิ่ม -e เพื่อแยกเสียง
ลงท้ายด้วย | ตัวอย่าง | เหตุผล |
-s | glass → glasses | เสียง /s/ ซ้ำกัน |
-x | box → boxes | เสียง /ks/ + /s/ = ยาก |
-z | buzz → buzzes | เสียง /z/ ซ้ำกัน |
-ch | watch → watches | เสียง /ʧ/ + /s/ = ยาก |
-sh | brush → brushes | เสียง /ʃ/ + /s/ = ยาก |
กฎที่ 3: คำลงท้ายด้วย -y หลังพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es
เมื่อคำนามลงท้ายด้วย -y และมีพยัญชนะอยู่ข้างหน้า ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es เช่น
หน้า -y เป็นพยัญชนะ | หน้า -y เป็นสระ |
city → cities | boy → boys |
baby → babies | day → days |
lady → ladies | key → keys |
country → countries | valley → valleys |
กฎที่ 4: คำลงท้ายด้วย -o หลังพยัญชนะ ส่วนใหญ่เติม -es
การแบ่งกลุ่ม:
กลุ่ม A: เติม -es | กลุ่ม B: เติม -s | กลุ่ม C: ได้ทั้งสอง |
potato → potatoes | photo → photos | volcano → volcanoes/volcanos |
tomato → tomatoes | piano → pianos | tornado → tornadoes/tornados |
hero → heroes | radio → radios | zero → zeroes/zeros |
echo → echoes | video → videos | – |
หมายเหตุ: คำที่เกี่ยวกับดนตรีและเทคโนโลยี มักเติม -s (piano, radio, video)
กฎที่ 5: คำลงท้ายด้วย -f หรือ -fe เปลี่ยนเป็น -ves
รายการคำที่เปลี่ยน f/fe → ves:
Singular | Plural | ความหมาย |
leaf | leaves | ใบไม้ |
knife | knives | มีด |
wife | wives | ภรรยา |
life | lives | ชีวิต |
wolf | wolves | หมาป่า |
shelf | shelves | ชั้นวาง |
half | halves | ครึ่งหนึ่ง |
ข้อยกเว้นที่เติม -s:
- roof → roofs (หลังคา)
- chief → chiefs (หัวหน้า)
- cliff → cliffs (หน้าผา)
III. กลุ่มคำนามพหูพจน์ที่ไม่อยู่ในกฎ (Irregular Plural Nouns)
คำนาม irregular นั้นไม่สามารถใช้กฎทั่วไปได้ ต้องท่องจำเป็นพิเศษ เราจะจัดกลุ่มตามรูปแบบการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้จดจำง่ายขึ้น
กลุ่ม A: เปลี่ยนสระตรงกลาง (Vowel Change)
กลุ่มนี้เปลี่ยนเสียงสระตรงกลางคำ
Singular | Plural | รูปแบบการเปลี่ยน |
man | men | a → e |
woman | women | o → o, a → e |
foot | feet | oo → ee |
tooth | teeth | oo → ee |
mouse | mice | ou → i |
goose | geese | oo → ee |
กลุ่ม B: ไม่เปลี่ยนรูป (Same Form)
คำนามเหล่านี้มีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน
คำเดียวกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ | ตัวอย่างการใช้ |
sheep | one sheep / five sheep |
deer | a deer / many deer |
fish | this fish / those fish |
aircraft | an aircraft / several aircraft |
series | one series / two series |
กลุ่ม C: ยืมจากภาษาอื่น (Foreign Origin)
คำที่ยืมมาจากภาษาละตินหรือกรีกยังคงใช้กฎของภาษาต้นกำเนิด
ต้นกำเนิด | Singular | Plural | กฎเดิม |
ละติน | child | children | เติม -ren |
กรีก | analysis | analyses | is → es |
ละติน | crisis | crises | is → es |
กรีก | phenomenon | phenomena | on → a |
ละติน | datum | data | um → a |
IV. กรณีพิเศษและโครงสร้างที่ซับซ้อน
เมื่อเข้าใจพื้นฐานแล้ว เราจะยกระดับความรู้ไปสู่กรณีพิเศษที่ต้องใช้ในการสื่อสารระดับสูง
1. นามที่เป็นพหูพจน์เสมอ (Plural-Only Nouns)
คำนามบางคำมีรูปพหูพจน์แต่ใช้กับกริยาเอกพจน์ เช่น news (ข่าว), physics (วิชาฟิสิกส์), mathematics (คณิตศาสตร์) หรือคำที่เป็นพหูพจน์และใช้กับกริยาพหูพจน์ เช่น scissors (กรรไกร), glasses (แว่นตา), clothes (เสื้อผ้า), stairs (บันได) ต้องระวังการเลือกใช้กริยาให้ถูกต้อง
2. นามที่ดูเหมือนพหูพจน์แต่เป็นเอกพจน์
บางคำลงท้ายด้วย -s แต่เป็นเอกพจน์ เช่น economics (เศรษฐศาสตร์), politics (การเมือง), athletics (กรีฑา) ใช้กับกริยาเอกพจน์ “Economics is my favorite subject” ไม่ใช่ “Economics are”
3. การสร้างพหูพจน์ของคำประสม (Compound Nouns)
คำประสมมีหลักการเปลี่ยนเป็นพหูพจน์ดังนี้ ถ้าประกอบด้วยคำนาม + คำนาม ให้เปลี่ยนคำหลัก เช่น mother-in-law → mothers-in-law (แม่ยายหลายคน), passer-by → passers-by (คนผ่านทางหลายคน) แต่ถ้าเป็นคำประสมที่ติดกันเป็นคำเดียว ให้เปลี่ยนท้ายคำ เช่น toothbrush → toothbrushes (แปรงสีฟันหลายอัน)
V. แบบฝึกหัดเพื่อประยุกต์ใช้ความรู้
การฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาทักษะ singular noun และ plural noun ให้เชี่ยวชาญ แบบฝึกหัดนี้จะทดสอบความเข้าใจในสองมิติ
ส่วนที่ 1: เปลี่ยนคำต่อไปนี้เป็นพหูพจน์
- City → _____
- 2. Child → _____
- 3. Knife → _____
- 4. Sheep → _____
- 5. Photo → _____
ส่วนที่ 2: เลือกคำที่ถูกต้องในประโยค
- The (child/children) are playing in the park.
- 2. I need three (advice/pieces of advice).
- 3. (Mathematics/Mathematicses) is difficult for me.
เฉลย:
ส่วนที่ 1
- cities (กฎ y→ies)
- children (irregular)
- knives (f→ves)
- sheep (ไม่เปลี่ยนรูป)
- photos (เติม s)
ส่วนที่ 2
- children (พหูพจน์)
- pieces of advice (uncountable ใช้กับ pieces)
- Mathematics (เอกพจน์)
การเรียนรู้ singular and plural nouns จะสำเร็จได้ด้วยการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดสามประการที่คนไทยทำบ่อยที่สุด ประการแรกคือการเติม -s ให้กับคำนามนับไม่ได้ เช่น “informations” แทนที่จะเป็น “information” ประการที่สองคือการใช้กริยาผิดรูปกับคำนามพิเศษ เช่น “news are” แทนที่จะเป็น “news is” และประการสุดท้ายคือการลืมเปลี่ยนรูปคำนามให้สอดคล้องกับจำนวน
การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอคือกุญแจสู่ความเชี่ยวชาญ เริ่มจากการสังเกตรูปแบบในสื่อต่างๆ ที่คุณอ่านหรือฟัง จากนั้นลองเขียนประโยคด้วยตนเองและตรวจสอบความถูกต้อง จำไว้ว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เพียงแต่ต้องเรียนรู้จากมันและปรับปรุงต่อไป ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องและการฝึกฝนที่ต่อเนื่อง คุณจะสามารถใช้ singular และ plural nouns ได้อย่างมั่นใจและแม่นยำในทุกสถานการณ์