การสอบ TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นการทดสอบความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในด้านการสื่อสารทางธุรกิจและการทำงาน สำหรับผู้ที่เตรียมตัวสอบหรือเพิ่งสอบเสร็จ การเข้าใจระบบการให้คะแนนและการแปลงคะแนนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณวางแผนการเรียนและประเมินความก้าวหน้าของตนเองได้อย่างแม่นยำ ตาราง คะแนน TOEIC ไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณเข้าใจผลคะแนนของตนเอง แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในระยะยาว ระบบการคำนวณคะแนนของ TOEIC มีความซับซ้อนและแตกต่างจากการสอบมาตรฐานทั่วไป ซึ่งผู้สอบจำเป็นต้องเข้าใจเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากผลคะแนนได้อย่างเต็มที่
I. คะแนนสอบ TOEIC คำนวณอย่างไร?
การคำนวณคะแนน TOEIC ใช้ระบบการแปลงคะแนนแบบพิเศษที่เรียกว่า “Scaled Scoring” ซึ่งแตกต่างจากการคิดคะแนนแบบง่ายๆ ที่เราคุ้นเคย ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การเปรียบเทียบคะแนนระหว่างการสอบครั้งต่างๆ มีความเที่ยงตรงและเป็นธรรม
การสอบ TOEIC Listening and Reading ประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ Listening Comprehension และ Reading Comprehension แต่ละส่วนมีคะแนนเต็ม 495 คะแนน รวมเป็นคะแนนเต็มทั้งหมด 990 คะแนน ข้อสอบ Listening มีจำนวน 100 ข้อ ในขณะที่ Reading มี 100 ข้อเช่นกัน
กระบวนการคํา น วณ คะแนน TOEIC เริ่มต้นจากการนับจำนวนข้อที่ตอบถูกในแต่ละส่วน จากนั้นคะแนนดิบ (Raw Score) จะถูกแปลงเป็นคะแนนมาตรฐาน (Scaled Score) โดยใช้สูตรทางสถิติที่ซับซ้อน การแปลงนี้จะพิจารณาถึงความยากง่ายของข้อสอบในแต่ละครั้ง เพื่อให้คะแนนที่ได้มีความหมายเดียวกันไม่ว่าจะสอบในช่วงเวลาใด
ตัวอย่างเช่น หากคุณตอบถูก 70 ข้อจาก 100 ข้อในส่วน Listening คะแนนของคุณอาจไม่ใช่ 70% หรือ 346.5 คะแนน (จาก 495 คะแนนเต็ม) แต่อาจเป็น 350-380 คะแนน ขึ้นอยู่กับความยากของข้อสอบชุดนั้นๆ ความแปรปรวนนี้ทำให้การใช้ตารางแปลงคะแนนมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ กระดาษ คำ ตอบ TOEIC ยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการคำนวณคะแนน เนื่องจากการทำเครื่องหมายที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ชัดเจนอาจส่งผลต่อผลคะแนนที่ได้รับ ดังนั้นการปฏิบัติตามคำแนะนำในการกรอกกระดาษคำตอบจึงเป็นสิ่งที่ผู้สอบต้องให้ความสำคัญ
II. ตารางคำนวณคะแนน TOEIC สำหรับแปลงคะแนนอย่างแม่นยำ
การใช้ตารางแปลงคะแนน TOEIC อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของคะแนนที่ได้รับและสามารถวางแผนการพัฒนาทักษะได้อย่างเหมาะสม ตารางดังกล่าวแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนข้อที่ตอบถูกและคะแนนมาตรฐานที่จะได้รับ
สำหรับส่วน Listening Comprehension ตารางแปลงคะแนนจะแสดงให้เห็นว่าการตอบถูก 90-95 ข้อจาก 100 ข้อ มักจะได้คะแนนประมาณ 450-485 คะแนน ในขณะที่การตอบถูก 80-85 ข้อ จะได้คะแนนราว 400-440 คะแนน การตอบถูก 70-75 ข้อ จะอยู่ในช่วง 350-390 คะแนน และการตอบถูก 60-65 ข้อ จะได้คะแนนประมาณ 300-340 คะแนน
ในส่วน Reading Comprehension ตารางแปลงคะแนนจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่อาจมีความแตกต่างเล็กน้อยเนื่องจากลักษณะของข้อสอบที่แตกต่างกัน การตอบถูก 85-90 ข้อ มักจะได้คะแนนในช่วง 430-470 คะแนน ส่วนการตอบถูก 75-80 ข้อ จะได้คะแนนราว 380-420 คะแนน
อ้างอิงตารางการแปลงคะแนน TOEIC
สิ่งที่น่าสนใจคือช่วงคะแนนระหว่าง 200-500 คะแนนในแต่ละส่วนจะมีการกระจายที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยการเพิ่มขึ้นของข้อถูกแต่ละข้อจะส่งผลต่อคะแนนประมาณ 3-5 คะแนน อย่างไรก็ตาม ในช่วงคะแนนสูง (450 คะแนนขึ้นไป) การเพิ่มขึ้นของคะแนนจะช้าลงเนื่องจากความยากในการตอบถูกเกือบทุกข้อ
โท อิ ค คะแนน เต็ม เท่า ไหร่ คือ 990 คะแนน ซึ่งหมายความว่าผู้สอบต้องตอบถูกเกือบทุกข้อในทั้งสองส่วน หรืออย่างน้อย 95% ของข้อสอบทั้งหมด การได้คะแนนเต็มถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมากและต้องการการเตรียมตัวอย่างจริงจัง
ตารางแปลงคะแนนนี้ยังช่วยให้ผู้สอบเข้าใจว่าการปรับปรุงคะแนนในแต่ละช่วงต้องการความพยายามที่แตกต่างกัน การเพิ่มคะแนนจาก 300 เป็น 400 อาจง่ายกว่าการเพิ่มจาก 450 เป็น 495 อย่างมาก ข้อมูลนี้สำคัญสำหรับการวางแผนการเรียนและการตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง
นอกจากนี้ ตารางยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความแม่นยำในแต่ละส่วน หากคุณมีจุดแข็งในการฟังแต่อ่อนในการอ่าน หรือในทางกลับกัน การใช้ตารางนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าควรลงแรงในส่วนใดเพื่อให้ได้คะแนนรวมที่ต้องการ
III. ต้องได้กี่คะแนนถึงจะสอบผ่าน TOEIC?
คำถามเรื่องเกณฑ์การผ่านการสอบ TOEIC เป็นหนึ่งในข้อสงสัยที่พบบ่อยที่สุดจากผู้สอบ ความจริงแล้ว TOEIC ไม่มีเกณฑ์การผ่านหรือตกที่ตายตัว เนื่องจากการสอบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัดระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษมากกว่าการตัดสินว่าผ่านหรือไม่ผ่าน
อย่างไรก็ตาม องค์กรและสถาบันต่างๆ ได้กำหนดเกณฑ์คะแนนขึ้นมาใช้เป็นมาตรฐานในการรับสมัครงานหรือการเข้าศึกษา โดยทั่วไปแล้ว คะแนน 600 คะแนนขึ้นไปถือว่าเป็นระดับที่ยอมรับได้สำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ ส่วนคะแนน 750 คะแนนขึ้นไปจะถือว่าเป็นระดับที่ดีมากและเหมาะสำหรับตำแหน่งงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในระดับสูง
สำหรับบริษัทข้ามชาติหรือองค์กรระหว่างประเทศ เกณฑ์คะแนนอาจสูงถึง 800-850 คะแนน โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติหรือทำงานในทีมนานาชาติ ในทางกลับกัน สำหรับตำแหน่งงานที่ใช้ภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐาน เกณฑ์อาจอยู่ที่ 450-550 คะแนน
ในด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยในประเทศไทยส่วนใหญ่กำหนดเกณฑ์ TOEIC สำหรับการสำเร็จการศึกษาไว้ที่ 400-500 คะแนน ขึ้นอยู่กับคณะและสาขาวิชา ส่วนโปรแกรมระดับบัณฑิตศึกษาหรือโปรแกรมนานาชาติอาจต้องการคะแนนสูงถึง 650-750 คะแนน
การวางเป้าหมายคะแนนที่เหมาะสมควรพิจารณาจากระดับความสามารถปัจจุบันและเวลาที่มีสำหรับการเตรียมตัว หากคุณมีคะแนนฐานอยู่ที่ 300-400 คะแนน การตั้งเป้าที่ 500-600 คะแนนในระยะเวลา 3-6 เดือนถือว่าเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้และท้าทายพอดี
สำหรับผู้ที่มีคะแนนฐานอยู่ที่ 500-600 คะแนนแล้ว การเพิ่มคะแนนไปยัง 700+ จะต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นอย่างมาก เนื่องจากในช่วงคะแนนนี้ การปรับปรุงแต่ละคะแนนจะยากขึ้นเรื่อยๆ และต้องการการฝึกฝนที่เจาะลึกมากกว่าการเรียนรู้ทักษะพื้นฐาน
การเข้าใจระบบการให้คะแนนและตารางแปลงคะแนน TOEIC จะช่วยให้คุณวางแผนการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม การจัดสรรเวลาการเรียนในแต่ละทักษะ หรือการประเมินความก้าวหน้าของตนเอง จำไว้ว่าการพัฒนาภาษาอังกฤษเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความอดทนและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การใช้ข้อมูลจากตารางคะแนนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินทางสู่ความสำเร็จในการสอบ TOEIC ของคุณ