หลายคนสับสนกับการใช้ used to ใช้ยังไง ให้ถูกต้อง โดยเฉพาะเมื่อต้องแยกความแตกต่างระหว่าง used to, be used to และ get used to ซึ่งแม้จะดูคล้ายกัน แต่ความหมายและวิธีใช้ต่างกันอย่างสิ้นเชิง บทความนี้จะพาคุณเข้าใจทั้ง 3 โครงสร้างอย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน ตัวอย่างประโยคที่ใช้บ่อย ข้อผิดพลาดที่คนไทยมักทำ ไปจนถึงเทคนิคขั้นสูงที่จะทำให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจและแม่นยำเหมือนเจ้าของภาษา พร้อมตารางสรุปที่เข้าใจง่ายและคำถามที่พบบ่อยครบถ้วน
I. ใช้ยังไง Used to: เคยทำในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว
หลักการและหัวใจสำคัญ
โครงสร้าง used to ใช้สำหรับพูดถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่เกิดขึ้นอีกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนิสัย ความเคยชิน หรือสภาวะต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว คีย์เวิร์ดสำคัญคือ “เคย…แต่ตอนนี้ไม่…แล้ว” ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบันที่แตกต่างกัน
การใช้ในประโยคบอกเล่า
นิสัยในอดีต
เมื่อต้องการบอกว่าเราเคยมีนิสัยอะไรในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำไปแล้ว:
- I used to play football every weekend. (ผมเคยเล่นฟุตบอลทุกสุดสัปดาห์ แต่ตอนนี้ไม่เล่นแล้ว)
- She used to drink coffee every morning. (เธอเคยดื่มกาแฟทุกเช้า แต่ตอนนี้เลิกแล้ว)
- We used to go swimming in summer. (พวกเราเคยไปว่ายน้ำในช่วงฤดูร้อน แต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว)

สภาวะในอดีต
ใช้บอกเล่าสภาพหรือสถานการณ์ที่เคยเป็นในอดีต แต่เปลี่ยนแปลงไปแล้วในปัจจุบัน:
- There used to be a cinema here. (ที่นี่เคยมีโรงหนังอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว)
- Bangkok used to be less crowded. (กรุงเทพฯ เคยมีผู้คนไม่แออัดเท่านี้ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว)
- He used to be very shy. (เขาเคยเป็นคนขี้อายมาก แต่ตอนนี้ไม่อายแล้ว)
การใช้ในประโยคปฏิเสธ
โครงสร้างปฏิเสธใช้ didn’t use to (ไม่มี d ที่ use) เพราะมี did มาช่วยแล้ว ซึ่งเป็นกฎเดียวกับกริยาทั่วไปในภาษาอังกฤษ:
- I didn’t use to like vegetables. (ผมเคยไม่ชอบกินผัก แต่ตอนนี้ชอบแล้ว)
- They didn’t use to live in the city. (พวกเขาเคยไม่ได้อยู่ในเมือง แต่ตอนนี้อยู่แล้ว)
- She didn’t use to wear glasses. (เธอเคยไม่ได้ใส่แว่น แต่ตอนนี้ใส่)
ทำไม “used” จึงเปลี่ยนเป็น “use”?
เมื่อมี did มาช่วย กริยาหลักจะต้องอยู่ในรูป infinitive (รูปแบบดั้งเดิม) เสมอ ดังนั้น used จึงกลายเป็น use ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับ He didn’t go (ไม่ใช่ didn’t went)
การใช้ในประโยคคำถาม
โครงสร้างคำถามใช้ Did + subject + use to + verb (ไม่มี d ที่ use เช่นกัน):
- Did you use to live in Chiang Mai? (คุณเคยอยู่เชียงใหม่ไหม?)
- Did they use to work together? (พวกเขาเคยทำงานด้วยกันไหม?)
- Did she use to study abroad? (เธอเคยไปเรียนต่อต่างประเทศไหม?)
จำไว้ว่า ในประโยคคำถามและปฏิเสธ ใช้ “use” ไม่ใช่ “used” เพราะ did ทำหน้าที่แสดงกาลเวลาแล้ว
II. ใช้ยังไง Be used to: ชินกับสิ่งนั้นอยู่แล้ว
หลักการและหัวใจสำคัญ
โครงสร้าง be used to หมายถึงความคุ้นเคยหรือความชินกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน เทคนิคช่วยจำ: มี verb to be (is, am, are) ที่แปลว่า “เป็น/อยู่” ดังนั้นจึงหมายถึง “เป็น/อยู่ในสภาพที่ชิน” แล้ว ไม่ใช่กำลังปรับตัว แต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
การใช้กับคำนาม (Noun)
เมื่อต้องการบอกว่าเราชินกับสิ่งของ สถานที่ หรือสิ่งแวดล้อมแล้ว:
- I’m used to the hot weather in Thailand. (ผมชินกับอากาศร้อนในเมืองไทยแล้ว)
- She’s used to city life. (เธอชินกับชีวิตในเมืองแล้ว)
- They are used to the noise. (พวกเขาชินกับเสียงรบกวนแล้ว)
การใช้กับ Gerund (V-ing)
เมื่อต้องการบอกว่าเราชินกับการกระทำหรือกิจกรรมบางอย่างแล้ว:
- I’m used to driving on the left. (ผมชินกับการขับรถชิดซ้ายแล้ว)
- He’s used to working at night. (เขาชินกับการทำงานกลางคืนแล้ว)
- We’re used to eating spicy food. (พวกเราชินกับการกินอาหารเผ็ดแล้ว)
III. ใช้ยังไง Get used to: กำลังปรับตัวหรือเริ่มชิน
หลักการและหัวใจสำคัญ
โครงสร้าง get used to เน้นที่กระบวนการปรับตัวหรือการเริ่มชินกับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งแตกต่างจาก be used to ที่เป็นผลลัพธ์สุดท้าย สิ่งนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ใช่สภาพที่คงที่แล้ว
การแสดงกระบวนการปรับตัว
เมื่อต้องการบอกว่าเรากำลังผ่านกระบวนการปรับตัวให้คุ้นเคยกับสิ่งใหม่:
- I’m getting used to my new job. (ผมกำลังเริ่มชินกับงานใหม่)
- She’s getting used to living alone. (เธอกำลังปรับตัวให้ชินกับการอยู่คนเดียว)
- It took me a while to get used to the cold weather. (ผมใช้เวลาสักพักกว่าจะชินกับอากาศหนาว)
การแสดงว่าชินแล้วในอดีต
สามารถใช้ get used to ในรูปอดีต (got used to) เพื่อบอกว่าเราผ่านกระบวนการปรับตัวมาแล้วและชินในที่สุด:
- I got used to waking up at 5 AM. (ผมชินกับการตื่นตี 5 แล้ว หลังจากปรับตัวมาสักพัก)
- They got used to the new system quickly. (พวกเขาชินกับระบบใหม่ได้เร็ว)

IV. ข้อผิดพลาดที่คนไทยมักทำบ่อย
ข้อผิดพลาดที่ 1: ใช้ “used to” กับเหตุการณ์ปัจจุบัน
หลายคนเข้าใจผิดว่า used to ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ แต่จริงๆ แล้วใช้กับอดีตเท่านั้น:
✗ I used to go to the gym now. (ผิด)
✓ I go to the gym now. (ถูก – ใช้ present simple กับปัจจุบัน)
✓ I used to go to the gym. (ถูก – เคยไปในอดีต แต่ตอนนี้ไม่ไปแล้ว)
ข้อผิดพลาดที่ 2: สับสน “to” ตามด้วยอะไร
ความสับสนที่พบบ่อยคือ ไม่รู้ว่าหลัง “to” ควรตามด้วยอะไร:
✗ I’m used to wake up early. (ผิด)
✓ I’m used to waking up early. (ถูก – be/get used to ตามด้วย V-ing หรือ noun)
✓ I used to wake up early. (ถูก – used to ตามด้วย verb ธรรมดา)
ข้อผิดพลาดที่ 3: ใช้ “used to be” และ “used to have” สับสน
Used to be vs Used to have
คำว่า “be” ใช้กับการเป็น (สถานะ ตัวตน อาชีพ) ส่วน “have” ใช้กับการมี (สิ่งของ ทรัพย์สิน):
- I used to be a teacher. (ผมเคยเป็นครู – สถานะ/อาชีพ)
- I used to have a dog. (ผมเคยมีสุนัข – สิ่งของที่เป็นเจ้าของ)
- She used to be confident. (เธอเคยมั่นใจ – ลักษณะนิสัย)
- She used to have long hair. (เธอเคยมีผมยาว – ลักษณะภายนอกที่เป็นเจ้าของ)
V. คำถามที่พบบ่อย
1. “Used to” สามารถใช้ในรูปอนาคตได้ไหม?
ไม่ได้ โครงสร้าง used to ใช้กับอดีตเท่านั้น เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อเปรียบเทียบระหว่างสิ่งที่เคยเป็นในอดีตกับสิ่งที่เป็นในปัจจุบัน หากต้องการพูดถึงอนาคต ใช้ will หรือ be going to แทน
2. “Would” ในบริบทของอดีตแตกต่างจาก “used to” อย่างไร?
Would ในบริบทของอดีตมักใช้ในการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความทรงจำ มันให้ความรู้สึกคล้ายกับการนั่งเล่าเรื่องในอดีตที่มีความหมาย ขณะที่ used to เป็นเพียงการระบุข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป would จึงเหมาะกับการเขียนบันทึก เล่าความทรงจำ หรือการเล่าเรื่องที่อบอุ่น
3. โครงสร้างไหนบ้างที่มีหลักการคล้าย “be used to”?
โครงสร้างที่มีหลักการคล้ายกันคือ be accustomed to ซึ่งหมายถึงความคุ้นเคยเช่นกัน แต่เป็นภาษาที่เป็นทางการมากกว่า เช่น I’m accustomed to working long hours (ผมคุ้นเคยกับการทำงานหลายชั่วโมง) นอกจากนี้ยังมี be familiar with ที่หมายถึงความรู้จักหรือความคุ้นเคยกับบางสิ่ง
4. “I’m used to it” กับ “I got used to it” ต่างกันอย่างไร?
I’m used to it หมายถึงคุณชินกับมันอยู่แล้วในปัจจุบัน เป็นสภาพที่คงอยู่ ส่วน I got used to it หมายถึงคุณผ่านกระบวนการปรับตัวมาแล้วและชินในที่สุด เน้นที่กระบวนการที่เสร็จสิ้นไปแล้ว ความแตกต่างอยู่ที่ระยะเวลา: “I’m used to” เป็นตอนนี้ ส่วน “I got used to” เป็นกระบวนการที่จบลงแล้ว
การใช้ used to ใช้ยังไง ให้ถูกต้องนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงจำหลักการสำคัญ 3 ข้อ: Used to + verb ใช้กับเรื่องที่เคยทำในอดีตแต่ไม่ทำแล้ว Be used to + noun/V-ing หมายถึงชินกับสิ่งนั้นอยู่แล้วในปัจจุบัน และ Get used to + noun/V-ing คือกำลังปรับตัวหรือเริ่มชิน ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ used to พูดถึงอดีตที่เปลี่ยนไป ขณะที่อีก 2 โครงสร้างพูดถึงความคุ้นเคยในปัจจุบัน โดย be used to เป็นผลลัพธ์ที่เกิดแล้ว ส่วน get used to เป็นกระบวนการที่กำลังเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือนำไปใช้จริงและฝึกฝนบ่อยๆ ความชำนาญจะตามมาเองตามธรรมชาติ
