TOEIC Vocabularyรวมศัพท์ ลดราคา ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์: ใช้เป็น พูดคล่อง ช้อปสนุก!

รวมศัพท์ ลดราคา ภาษาอังกฤษ ฉบับสมบูรณ์: ใช้เป็น พูดคล่อง ช้อปสนุก!

เมื่อคุณเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าหรือเปิดเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ แล้วเจอป้ายสีแดงเขียนว่า “50% OFF”, “SPECIAL SALE”, หรือ “FINAL CLEARANCE” คุณรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสประหยัดเงิน แต่ก็สงสัยใจว่าแต่ละคำหมายถึงอะไรกันแน่ การเข้าใจคำศัพท์ ลดราคา ภาษาอังกฤษอย่างถ่องแท้ไม่เพียงช่วยให้คุณเลือกซื้อของได้ชาญฉลาดมากขึ้น แต่ยังทำให้สื่อสารกับพนักงานขายได้อย่างมั่นใจและเข้าใจกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างแท้จริง บทความนี้จึงเป็น “คู่มือฉบับสมบูรณ์” ที่จะพาคุณไปไกลกว่าการท่องจำคำศัพท์ธรรมดา ตั้งแต่การวิเคราะห์ความหมายแฝงของแต่ละคำ การจับความแตกต่างเชิงลึกระหว่างประเภทโปรโมชั่น ประโยคสนทนาจริงที่ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ไปจนถึงคำศัพท์สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ในยุคดิจิทัล

I. พจนานุกรมคำศัพท์ลดราคา: ครบครันทุกคำที่ต้องรู้

ตารางนี้รวบรวมคำศัพท์เกี่ยวกับการลดราคาและโปรโมชั่นอย่างครบถ้วน พร้อมการออกเสียงและตัวอย่างการใช้งานจริง

พจนานุกรมคำศัพท์ลดราคา: ครบครันทุกคำที่ต้องรู้

คำศัพท์ การออกเสียง (IPA) ความหมาย ตัวอย่าง
Sale /seɪl/ การขายในราคาลด “Everything is on sale today” (วันนี้ทุกอย่างลดราคา)
Discount /ˈdɪskaʊnt/ ส่วนลด, การลดราคา “Students get a 10% discount” (นักเรียนได้ส่วนลด 10%)
Off /ɔːf/ ลด (ใช้กับเปอร์เซ็นต์) “50% off selected items” (สินค้าที่เลือกลด 50%)
Bargain /ˈbɑːrɡən/ ของคุ้ม, ราคาดี “This jacket is a real bargain” (เสื้อตัวนี้คุ้มสุดๆ)
Deal /diːl/ ข้อตกลงดี, โอกาสดี “I got a great deal on this car” (ฉันได้รถคันนี้มาในราคาดีมาก)
Offer /ˈɔːfər/ ข้อเสนอ “Limited time offer” (ข้อเสนอเวลาจำกัด)
Promotion /prəˈmoʊʃən/ การส่งเสริมการขาย “Weekly promotion starts Monday” (โปรโมชั่นรายสัปดาห์เริ่มวันจันทร์)
Clearance /ˈklɪrəns/ การเคลียร์สต็อก “Clearance items are final sale” (สินค้าคลีแรนซ์ขายแล้วไม่คืน)
Markdown /ˈmɑːrkdaʊn/ การลดราคาจากเดิม “All winter coats are marked down” (เสื้อโค้ทฤดูหนาวทุกตัวลดราคาแล้ว)
Rebate /ˈriːbeɪt/ เงินคืน “Mail-in rebate of $50” (เงินคืนทางไปรษณีย์ 50 ดอลลาร์)
Coupon /ˈkuːpɑːn/ คูปอง, บัตรลด “Use this coupon for 20% off” (ใช้คูปองนี้ลด 20%)
Voucher /ˈvaʊtʃər/ บัตรกำนัล “Gift voucher worth $100” (บัตรของขวัญมูลค่า 100 ดอลลาร์)
Promo Code /ˈproʊmoʊ koʊd/ รหัสโปรโมชั่น “Enter promo code at checkout” (ใส่รหัสโปรโมชั่นตอนชำระเงิน)
Flash Sale /flæʃ seɪl/ เซลด่วน “24-hour flash sale only” (แฟลชเซล 24 ชั่วโมงเท่านั้น)
BOGO /ˈboʊɡoʊ/ ซื้อ 1 แถม 1 “BOGO on all shoes” (รองเท้าทุกคู่ซื้อ 1 แถม 1)
Bundle /ˈbʌndəl/ ชุด, แพคเกจ “Software bundle includes 5 programs” (ซอฟต์แวร์บันเดิลรวม 5 โปรแกรม)
Wholesale /ˈhoʊlseɪl/ ราคาส่ง “Wholesale prices for bulk orders” (ราคาส่งสำหรับสั่งจำนวนมาก)
Retail /ˈriːteɪl/ ราคาปลีก “Retail price is $299” (ราคาปลีก 299 ดอลลาร์)
MSRP /ˌem es ɑːr ˈpi/ ราคาแนะนำจากผู้ผลิต “MSRP $500, our price $399” (ราคาแนะนำ 500 เราขาย 399)
Cashback /ˈkæʃbæk/ เงินคืน “5% cashback on all purchases” (เงินคืน 5% ทุกการซื้อ)
Layaway /ˈleɪəweɪ/ การจองสินค้าโดยผ่อน “Put it on layaway until Christmas” (จองไว้ก่อนจนถึงคริสต์มาส)
Installment /ɪnˈstɔːlmənt/ การผ่อนชำระ “Pay in 12 monthly installments” (ผ่อน 12 งวด)
Liquidation /ˌlɪkwɪˈdeɪʃən/ การชำระสต็อก “Store liquidation sale” (เซลชำระสต็อกของร้าน)
Closeout /ˈkloʊzaʊt/ ของปิดรุ่น “Closeout prices on last year’s model” (ราคาปิดรุ่นของโมเดลปีที่แล้ว)
Overstocked /ˈoʊvərstɑːkt/ สินค้าล้นสต็อก “Overstocked items must go” (สินค้าล้นสต็อกต้องขายหมด)

II. รวมประโยคและวลีสำหรับใช้จริง

การรู้คำศัพท์ส่วนลด ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องรู้วิธีใช้ในการสนทนาจริงด้วย มาเรียนรู้ประโยคที่จำเป็นตามสถานการณ์การใช้งานกัน

1. การสอบถามข้อมูล

เมื่อคุณต้องการสอบถามเรื่องราคาและส่วนลด ประโยคเหล่านี้จะช่วยได้มาก 

  • “Is this item on sale?” (สินค้าชิ้นนี้ลดราคาไหม?) 
  • “What’s the discount percentage?” (ลดกี่เปอร์เซ็นต์ครับ/คะ?) 
  • “Do you have any special offers today?” (วันนี้มีโปรโมชั่นพิเศษอะไรบ้างไหมคะ?) 

ประโยคเหล่านี้เป็นการสอบถามแบบสุภาพและใช้ได้ในทุกสถานการณ์

2. การต่อรองราคา

ในบางสถานการณ์ที่เหมาะสม เช่น ตลาดหรือร้านค้าเล็กๆ คุณสามารถใช้วลีต่อรองราคาแบบสุภาพ 

  • “Is there any room for negotiation?” (ต่อรองราคาได้ไหมครับ?) 
  • “Would you consider a better price?” (ช่วยลดราคาให้หน่อยได้ไหมคะ?) 
  • “Can you do better than that?” (ลดให้อีกหน่อยได้ไหมครับ?) 

แต่จำไว้ว่าในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ การต่อรองอาจไม่เหมาะสม

3. การชำระเงินและใช้คูปอง

เมื่อถึงขั้นชำระเงิน ประโยคเหล่านี้จะมีประโยชน์ 

  • “I have a discount coupon” (ฉันมีคูปองส่วนลดครับ) 
  • “Can I use this promo code?” (ใช้โปรโมโค้ดนี้ได้ไหมคะ?) 
  • “Does this qualify for the discount?” (สินค้านี้ได้ส่วนลดไหมครับ?) 

การเตรียมประโยคเหล่านี้ไว้จะทำให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องสื่อสารกับพนักงานขาย

III. แยกแยะศัพท์ที่มักถูกเข้าใจผิด

เมื่อเรียนรู้มาถึงจุดนี้ เรามาเจาะลึกความแตกต่างของคำที่หลายคนมักเข้าใจผิดหรือใช้สลับกัน เพื่อให้คุณเป็นนักช้อปที่เข้าใจกลยุทธ์การตลาดอย่างแท้จริง

  1. On Sale vs. For Sale

คำทั้งสองคำนี้มักทำให้คนเข้าใจผิด “On Sale” หมายถึงสินค้าที่กำลังลดราคาจากราคาเดิม ในขณะที่ “For Sale” หมายถึงสินค้าที่มีขายแต่ไม่จำเป็นต้องลดราคา เช่น บ้านที่ “For Sale” อาจขายในราคาตลาด แต่เสื้อผ้าที่ “On Sale” แสดงว่าถูกกว่าราคาปกติ ความเข้าใจที่ผิดนี้อาจทำให้คุณคิดว่าได้ของถูกทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ได้ลดราคาเลย

  1. Discount vs. Reduction vs. Rebate

ความแตกต่างหลักอยู่ที่ช่วงเวลาที่คุณได้รับส่วนลด Discount คือการลดราคาทันทีที่จุดขาย เช่น ราคา 100 บาท ลด 20% เหลือ 80 บาท Reduction หมายถึงการลดลงจากราคาตั้งต้น ซึ่งอาจเป็นราคาที่ลดมาแล้วหลายครั้ง Rebate คือการคืนเงินหลังการซื้อ โดยคุณต้องจ่ายเต็มราคาก่อน แล้วขอเงินคืนทีหลัง ตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่มี “cash rebate” คุณต้องซื้อในราคาเต็มก่อน แล้วผู้ผลิตจะคืนเงินให้ในภายหลัง

  1. ‘Bargain’ vs. ‘Cheap’

ทั้งสองคำนี้บอกว่าราคาถูก แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่างกันมาก Bargain มีความหมายเชิงบวก หมายถึงของดีราคาถูกหรือการซื้อที่ฉลาด เช่น “I got a great bargain on this designer bag” (ฉันได้แบรนด์เนมใบนี้มาในราคาคุ้มสุดๆ) ในขณะที่ Cheap อาจมีความหมายเชิงลบว่าราคาถูกแต่คุณภาพอาจต่ำ หรือทำมาไม่ดี

  1. “Up to 70% off” คืออะไร

วลี “Up to” เป็นกลเอดทางการตลาดที่ต้องระวัง มันหมายถึง “สูงสุดถึง” ไม่ใช่ทุกสินค้าจะลด 70% อาจมีเพียงสินค้าบางชิ้นหรือบางรุ่นเท่านั้นที่ได้special discountเต็มจำนวน ส่วนใหญ่อาจลดเพียง 10-30% ดังนั้นเมื่อเห็นป้าย “Up to 70% off” อย่าคาดหวังว่าทุกสินค้าจะลด 70%

5. อัปเดตศัพท์สำหรับนักช้อปยุคดิจิทัล (Online Shopping)

การช้อปปิ้งออนไลน์มีคำศัพท์เฉพาะที่แตกต่างจากการช้อปในร้าน เรามาทำความรู้จักกับคำศัพท์สมัยใหม่เหล่านี้กัน

อัปเดตศัพท์สำหรับนักช้อปยุคดิจิทัล (Online Shopping)

คำศัพท์ การออกเสียง (IPA) ความหมาย ตัวอย่าง
Promo Code /ˈproʊmoʊ koʊd/ รหัสส่วนลดออนไลน์ “Use promo code SAVE20 for 20% off” (ใช้โค้ด SAVE20 ลด 20%)
Coupon Code /ˈkuːpɑːn koʊd/ รหัสคูปองดิจิทัล “Enter coupon code at checkout” (ใส่รหัสคูปองตอนชำระเงิน)
Cashback /ˈkæʃbæk/ เงินคืนอัตโนมัติ “Get 5% cashback to your wallet” (ได้เงินคืน 5% เข้าวอลเล็ต)
Free Shipping /friː ˈʃɪpɪŋ/ จัดส่งฟรี “Free shipping on orders over $50” (จัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบ 50 ดอลลาร์)
Cart Abandonment /kɑːrt əˈbændənmənt/ การทิ้งตะกร้าสินค้า “Cart abandonment discount: Come back and save 15%” (ลดพิเศษ 15% เมื่อกลับมาซื้อ)
Dynamic Pricing /daɪˈnæmɪk ˈpraɪsɪŋ/ การปรับราคาแบบไดนามิก “Dynamic pricing changes based on demand” (ราคาเปลี่ยนตามความต้องการ)
Geo-pricing /dʒioʊ ˈpraɪsɪŋ/ การตั้งราคาตามพื้นที่ “Geo-pricing shows different rates by location” (ราคาต่างกันตามพื้นที่)
Surge Pricing /sɜːrdʒ ˈpraɪsɪŋ/ การปรับราคาสูงตามความต้องการ “Surge pricing during peak hours” (ราคาสูงขึ้นในช่วงเวลาเร่งด่วน)
Price Alert /praɪs əˈlɜːrt/ การแจ้งเตือนราคา “Set up price alert for this item” (ตั้งแจ้งเตือนราคาสำหรับสินค้านี้)
Wishlist Discount /ˈwɪʃlɪst ˈdɪskaʊnt/ ส่วนลดสำหรับของที่อยากได้ “Special discount for wishlist items” (ส่วนลดพิเศษสำหรับของใน wishlist)
Flash Deal /flæʃ diːl/ ดีลด่วนออนไลน์ “Flash deal: 2 hours only!” (แฟลชดีล: 2 ชั่วโมงเท่านั้น!)
Daily Deal /ˈdeɪli diːl/ ดีลประจำวัน “Check today’s daily deal” (ดูดีลประจำวันนี้)
Lightning Deal /ˈlaɪtnɪŋ diːl/ ดีลฟ้าแลบ “Lightning deal with limited quantity” (ดีลฟ้าแลบจำนวนจำกัด)
Countdown Sale /ˈkaʊntdaʊn seɪl/ เซลแบบนับถอยหลัง “Countdown sale: 5 hours left!” (เซลนับถอยหลัง: เหลือ 5 ชั่วโมง!)
Member Price /ˈmembər praɪs/ ราคาสมาชิก “Member price: $19.99” (ราคาสมาชิก: 19.99 ดอลลาร์)
VIP Discount /viː aɪ ˈpi ˈdɪskaʊnt/ ส่วนลด VIP “VIP members get extra 10% off” (สมาชิก VIP ได้ส่วนลดเพิ่ม 10%)
First Purchase /fɜːrst ˈpɜːrtʃəs/ การซื้อครั้งแรก “First purchase discount: 15% off” (ส่วนลดซื้อครั้งแรก: ลด 15%)
Subscription Discount /səbˈskrɪpʃən ˈdɪskaʊnt/ ส่วนลดสำหรับสมาชิก “Subscribe and save 20%” (สมัครสมาชิกและประหยัด 20%)
Referral Bonus /rɪˈfɜːrəl ˈboʊnəs/ โบนัสแนะนำเพื่อน “Get $10 referral bonus” (รับโบนัส 10 ดอลลาร์จากการแนะนำเพื่อน)
App Exclusive /æp ɪkˈskluːsɪv/ เฉพาะแอป “App exclusive: Extra 5% off” (เฉพาะแอป: ลดเพิ่ม 5%)

IV. ถาม-ตอบเรื่องส่วนลดและโปรโมชั่น

1. “Rebate” ต่างจาก “Cashback” อย่างไร?

ความแตกต่างหลักอยู่ที่กระบวนการขอเงินคืน Rebate มักต้องกรอกฟอร์ม ส่งใบเสร็จ และรอเงินคืนเป็นเช็คหรือโอนเงิน ใช้เวลานานและมีขั้นตอนซับซ้อน ในขณะที่ Cashback มักเป็นการคืนเงินอัตโนมัติเข้าบัตรเครดิตหรือวอลเล็ตโดยไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม

2. “Final Markdown” กับ “Clearance Price” อะไรถูกกว่า?

โดยหลักการแล้ว Final Markdown มักเป็นราคา ภาษาอังกฤษที่ถูกที่สุดและเป็นราคาสุดท้ายจริงๆ ของสินค้านั้น ในขณะที่ Clearance Price อาจยังมีโอกาสลดได้อีกหากขายไม่หมด แต่ทั้งสองคำสื่อถึงราคาที่ถูกมากและน่าจะไม่ลดอีกแล้ว

3. คำศัพท์ที่สื่อถึง “ของมีจำกัด”

Limited Stock, While Supplies Last, Limited Time Offer, Quantities Limited, First Come First Served เป็นคำศัพท์ที่ร้านค้าใช้เพื่อสร้างความรู้สึกเร่งด่วนและกระตุ้นการตัดสินใจ เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “scarcity marketing” ที่ทำให้คนรู้สึกว่าถ้าไม่รีบซื้อจะพลาดโอกาสดีๆ

4. “Special Price” คือการลดราคาเสมอไปหรือไม่?

ไม่เสมอไป Special Price บางครั้งเป็นเพียงการตั้งราคา เดิม ภาษา อังกฤษพิเศษสำหรับสินค้าใหม่หรือเพื่อสร้างการรับรู้ว่าเป็นราคาพิเศษ ไม่ได้ลดจากราคาเดิมเสมอไป คุณต้องเปรียบเทียบกับราคาตลาดหรือสอบถามว่าเคยขายในราคาอื่นมาก่อนหรือไม่

การเดินทางผ่านบทความนี้พาคุณจากการเรียนรู้คำศัพท์ ลดราคา ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ไปสู่การเข้าใจความหมายเชิงลึกของแต่ละคำ การแยกประเภทโปรโมชั่น การใช้ประโยคในสถานการณ์จริง และการรู้เท่าทันกลยุทธ์การตลาดต่างๆ ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นแค่คนที่ “ช้อปสนุก” อีกต่อไป แต่กลายเป็น “นักช้อปที่ชาญฉลาด” ที่สามารถวิเคราะห์ความคุ้มค่าได้อย่างแม่นยำ

แต่จำไว้ว่านอกจากการเข้าใจคำศัพท์แล้ว คุณยังต้องระวังกับดักทางภาษาของป้ายลดราคาด้วย เช่น การใช้คำว่า “Up to” ที่อาจทำให้คาดหวังมากเกินไป หรือคำว่า “Special Price” ที่ไม่ได้หมายความว่าลดราคาเสมอไป การเป็นนักช้อปที่ชาญฉลาดคือการรู้จักอ่านป้ายอย่างละเอียด เปรียบเทียบราคา และใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ

Nalinee (นลินี)
Nalinee (นลินี)https://toeicmentor.com
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ Nalinee (นลินี) ผู้ดูแลเนื้อหาเว็บไซต์ Toeicmentor.com แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนผู้เรียน TOEIC ในประเทศไทยโดยเฉพาะ ฉันมีหน้าที่คัดสรรและจัดการเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าใจง่าย และอัปเดตล่าสุดอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือกำลังเตรียมสอบเพื่อคะแนนที่สูงขึ้น Toeicmentor.com พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดในทุกขั้นตอนของการเรียนรู้ TOEIC ของคุณ

รายการบทความ

บางทีคุณอาจสนใจ

โพสต์ใหม่

รวมแบบฝึกหัด Prefix & Suffix (คำอุปสรรคและคำปัจจัย) พร้อมเฉลย ครบทุกระดับชั้น

การเรียนรู้ prefix suffix แบบฝึกหัด เป็นกุญแจสำคัญที่เปิดประตูสู่คลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษอันกว้างใหญ่ บทความนี้รวบรวมแบบฝึกหัดครบทุกระดับตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง พร้อมเฉลยละเอียดและเทคนิคการเดาความหมายคำใหม่ที่จะทำให้คุณเข้าใจโครงสร้างคำและใช้ภาษาได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น...

ฝึกฝนไวยากรณ์ Adjective Clause (อนุประโยคคุณศัพท์) ครบวงจร: เจาะลึกแบบฝึกหัดพร้อมเฉลยละเอียดและคำอธิบายฉบับมืออาชีพ

การเรียนรู้ Adjective clause แบบฝึกหัด อย่างเป็นระบบจะช่วยให้คุณเชี่ยวชาญการใช้อนุประโยคคุณศัพท์ในทุกสถานการณ์ บทความนี้รวบรวมแบบฝึกหัด 7...

Reflexive Pronouns แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย: เข้าใจลึกซึ้ง ใช้ได้จริง!

การใช้ Reflexive Pronouns อย่างถูกต้องเป็นกุญแจสำคัญในการเขียนประโยคภาษาอังกฤษที่ชัดเจนและแม่นยำ บทความนี้นำเสนอ reflexive pronouns...